คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1670/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 นั้น เจ้าพนักงานผู้ติดตามจับกุมผู้กระทำผิดหาจำต้องแก่ผู้ให้ที่พำนักซ่อนเร้นทราบว่าผู้กระทำความผิดหรือผู้ต้องหาว่า กระทำความผิดได้กระทำความผิดฐานใด เพียงแต่แจ้งให้ทราบว่าบุคคลที่ตนให้ที่พำนักซ่อนเร้นเป็นผู้กระทำผิดก็พอแล้ว ส่วนจะเป็นความผิดฐานใดนั้นเป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์จะต้องกล่าวในฟ้องและนำสืบ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ช่วยนายยอดซึ่งต้องหาว่าเป็นผู้กระทำความผิดในคดีฆ่าผู้อื่นอันมิใช่ความผิดลหุโทษ โดยให้พำนักซ่อนเร้นอยู่ที่บ้านของจำเลยและเมื่อร้อยตำรวจเอกหิรัญกับพวกมาล้อมจับ จำเลยบอกว่านายยอดไม่ได้อยู่ที่บ้านจำเลย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๘๙
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๘๙ จำคุก ๑ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่ศาลล่างทั้งสองฟังเป็นยุติต้องกันว่ามีคนร้ายใช้ปืนยิงนายสมศักดิ์ถึงตาย ร้อยตำรวจเอกหิรัญสืบทราบว่านายยอดเป็นคนร้ายรายนี้ จึงไปจับกุมที่บ้านน้ำวิ่ง ทราบจากชาวบ้านว่ามาที่บ้านจำเลยจึงติดตามสอบถามจำเลยถึงนายยอด ขั้นแรกจำเลยปฏิเสธว่าไม่ได้มาบ้านจำเลย ครั้นร้อยตำรวจเอกหิรัญว่ากำลังติดตามจับ ทราบว่ามากู้เงินจำเลย จำเลยจึงรับว่านายยอดมาจริงแต่กลับไปแล้ว ครั้นค้นบ้านจึงพบนายยอดซ่อนอยู่ชั้นบนบ้านจำเลย ปัญหาว่าการที่ร้อยตำรวจเอกหิรัญไปจับกุมนายยอดโดยมิได้แจ้งให้จำเลยทราบว่านายยอดต้องหาว่ากระทำความผิด ฐานใดนั้น จำเลยจะมีความผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่าเจ้าพนักงานผู้ติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดหาจำต้องแจ้งแก่ผู้ให้ที่พำนักซ่อนเร้นทราบว่าผู้กระทำความผิดหรือผู้ต้องหาว่ากระทำความผิดได้กระทำความผิดอันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพียงแต่แจ้งให้รู้ว่าบุคคลที่ตนให้ที่พำนักซ่อนเร้นเป็นผู้กระทำความผิดก็พอแล้ว ส่วนจะเป็นความผิดฐานใดนั้นเป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์จะต้องกล่าวในฟ้องและนำสืบ พฤติการณ์ของจำเลยแสดงว่าจำเลยรู้อยู่แล้วหรือควรจะรู้ว่านายยอดเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิด เพราะร้อยตำรวจเอกหิรัญได้แจ้งให้จำเลยทราบว่ากำลังติดตามจับนายยอดอยู่
พิพากษากลับให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share