คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 167/2532

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยไม่มีหน้าที่เป็นยามรักษาความปลอดภัยโดยตรง แต่ได้รับการแต่งตั้งให้อยู่เวรรักษาราชการ โดยทางโรงเรียนจัดที่นอนให้เวรยามด้วย การอยู่เวรยามเน้นหนักไปในทางป้องกันอัคคีภัยจำเลยเข้าเวรรักษาราชการตามหน้าที่และปฏิบัติอย่างที่เคยปฏิบัติมาก่อน กับได้ใช้ความระมัดระวังตามวิสัยเช่นวิญญูชนทั่วไปจะพึงปฏิบัติในการดูแล ทรัพย์สินของตนแล้ว เมื่อปรากฏว่าคนร้ายได้เล็ดลอดเข้าไปในอาคารโรงเรียนและงัดประตูห้องเก็บเครื่องพิมพ์ดีดซึ่งอยู่คนละชั้นกับที่จำเลยนอน แล้วลักเอาเครื่องพิมพ์ดีดของโรงเรียนไปในขณะที่จำเลยทั้งสามนอนหลับ ดังนี้ ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสามจงใจ หรือประมาทเลินเล่อทำให้เครื่องพิมพ์ดีดของโรงเรียนสูญหาย จำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์.(ที่มา-ส่งเสริม)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นอาจารย์ 1 โรงเรียนวัดน้อนในได้รับแต่งตั้งให้เป็นครูเวรรักษาการณ์ในบริเวณโรงเรียนวัดน้อยในจำเลยที่ 2 ที่ 3 เป็นลูกจ้างประจำและเป็นคนงานทำหน้าที่ภารโรงของโรงเรียนวัดน้อยใน ได้รับแต่งตั้งให้เป็นภารโรงเวรรักษาการณ์ในบริเวณโรงเรียนวัดน้อยใน ซึ่งขณะนั้นมีการก่อสร้างอาคารของโรงเรียนมีคนงานพักอาศัยอยู่ภายในบริเวณโรงเรียนมาก จำเลยทั้งสามกลับนอนหลับในเวลากลางคืนตลอดทั้งคืน ไม่ออกตรวจตราบริเวณโรงเรียนตามหน้าที่ทั้ง ๆ ที่ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ การกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้คนร้ายบุกรุกเข้าไปในบริเวณอาคารเรียนของโรงเรียนวัดน้อยใน แล้วลักเอาเครื่องพิมพ์ดีดชนิดต่าง ๆ ของโรงเรียนวัดน้อยใน ซึ่งเก็บไว้ในห้องของอาคาร 1 ของโรงเรียนไปจำนวน 16เครื่อง เป็นเงินทั้งสิ้น 57,310 บาท จำเลยทั้งสามจึงต้องร่วมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์ โจทก์ได้ทวงถามทั้งสามร่วมกันชำระเงินค่าเสียหายจำนวน 57,310 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ให้การทำนองเดียวกันว่า การตั้งเวรรักษาการณ์ประจำสถานที่ราชการตลอดทั้งกลางวันและกลางคืนเพื่อคอยสอดส่องดูแลทรัพย์สินของทางราชการมิให้เสียหายนั้น หมายความถึงการจัดให้มีเวรดูแลป้องกันไม่ให้เกิดอัคคีภัยในสถานที่ราชการเท่านั้นหาใช่ให้ผู้อยู่เวรทำหน้าที่เป็นยามเฝ้าขโมย จำเลยที่ 1 เป็นอาจารย์ของโรงเรียนวัดน้อยใน มีหน้าที่สอนหนังสือไม่มีหน้าที่เป็นยาม จำเลยที่ 2 เป็นภารโรงของโรงเรียนวัดน้อยใน มีหน้าที่ดูแลความสะอาดและซ่อมแซมทรัพย์สินของโรงเรียนให้อยู่ในสภาพเรียบร้อย เดินหนังสือทั่วไปและรับใช้อาจารย์ ไม่มีหน้าที่เป็นยามวันเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของโรงเรียนและปฏิบัติหน้าที่อย่างวิญญูชนที่มีหน้าที่เช่นจำเลยที่ 1 ที่ 2 พึงปฏิบัติแล้ว กล่าวคือจำเลยที่ 1 ได้ตรวจบริเวณโดยรอบคอบไม่มีเหตุการณ์ผิดปกติ และจำเลยที่ 2 ก็ได้เข้าเวรตามคำสั่ง จำเลยที่ 2ได้เดินตรวจตราดูแลห้องต่าง ๆ พบว่าห้องใส่กุญแจเรียบร้อยและจำเลยที่ 2 ได้เดินตรวจรอบ ๆ บริเวณโรงเรียน ไม่ปรากฏว่ามีเหตุการณ์ผิดปกติ การที่คนร้ายงัดกุญแจห้องเก็บเครื่องพิมพ์ดีดแล้วลักเอาเครื่องพิมพ์ดีดไป จึงเป็นเหตุสุดวิสัย จำเลยที่ 1 ที่ 2ไม่อาจป้องกันได้ และเครื่องพิมพ์ดีดที่ถูกคนร้ายลักไปอยู่ในสภาพเก่าและชำรุด ค่าเสียหายไม่เกิน 5,000 บาท ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 3 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ตามคำสั่งโรงเรียนวัดน้อยในที่ 11/2525เอกสารหมาย ล.8 เป็นเรื่องแต่งตั้งครูอาจารย์คนงานอยู่เวรรักษาราชการและผู้ตรวจเวร โดยอ้างถึงหนังสือกรมสามัญศึกษาด่วนมากที่ศธ 0801/2508 ลงวันที่ 10 กรกฎาคม 2523 เรื่องการรักษาความปลอดภัยเกี่ยวกับสถานที่ราชการ คำสั่งดังกล่าวไม่ได้กำหนดหน้าที่เวรรักษาราชการ แต่หน้าที่เวรรักษาราชการมีอยู่ที่สมุดบันทึกเวรประจำวันเอกสารหมาย จ.10 ซึ่งตามสมุดบันทึกเวรประจำวันเอกสารหมาย จ.10 กำหนดหน้าที่ของเวรว่า ข้อ (1) รับโทรเลขโทรศัพท์ และหนังสือราชการที่มีมาถึงโรงเรียน (2) รักษาความปลอดภัยของสถานที่ราชการ รวมทั้งป้องกันอัคคีภัยภายในบริเวณสถานที่ราชการควบคุมดูแลยามรักษาการณ์ของโรงเรียนให้ปฏิบัติหน้าที่โดยเคร่งครัด (3) หากมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นหรือเห็นควรรายงานด่วน ก็ให้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นได้รับทราบเหตุการณ์ดังกล่าวทันที (4) บันทึกเหตุการณ์ลงในสมุดเวรและจัดส่งเอกสารทั้งหมดต่อหัวหน้าสถานศึกษาหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายก่อนที่จะออกเวร เมื่อพิจารณาคำสั่งดังกล่าว ประกอบกับจำเลยทั้งสามไม่มีหน้าที่เป็นยามรักษาความปลอดภัยของโรงเรียนวัดน้อยในโดยตรง และทางโรงเรียนจัดที่นอนให้เวรยามด้วยแล้ว การอยู่เวรยามจึงเน้นหนักไปในทางป้องกันอัคคีภัย เมื่อห้องเก็บเครื่องพิมพ์ดีดที่หายปิดประตูใส่กุญแจอย่างแน่นหนา คนร้ายต้องใช้เครื่องมืองัดออก จึงสามารถเข้าไปในห้องได้ ทั้งนายไพฑูรย์ โตตาบ พยานโจทก์เบิกความตอบทนายจำเลยถามค้านว่า จากการสอบสวนได้ความว่าประตูเหล็กต่าง ๆและประตูห้องได้มีการปิดเรียบร้อย นอกจากนี้ห้องเก็บเครื่องพิมพ์ดีดก็อยู่คนละชั้นกับที่จำเลยทั้งสามนอน และเป็นเรื่องธรรมดาที่คนร้ายจะต้องใช้ความระมัดระวังมิให้ผู้ใดรู้เห็น จำเลยทั้งสามได้เข้าเวรรักษาราชการตามหน้าที่และปฏิบัติอย่างที่เคยปฏิบัติกันมาก่อนด้วยเห็นว่าจำเลยทั้งสามได้ใช้ความระมัดระวังตามวิสัยเช่นวิญญูชนทั่วไปจะพึงปฏิบัติในการดูแลทรัพย์สินของตนแล้ว เมื่อปรากฏว่าคนร้ายได้เล็ดลอดเข้าไปในอาคารโรงเรียน และงัดประตูห้องเก็บเครื่องพิมพ์ดีดลักเอาเครื่องพิมพ์ดีดของโรงเรียนไปในขณะที่จำเลยทั้งสามนอนหลับก็ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสามจงใจ หรือประมาทเลินเล่อทำให้เครื่องพิมพ์ดีดของโรงเรียนสูญหาย จำเลยทั้งสามจึงไม่ต้อง รับผิดต่อโจทก์”
พิพากษายืน

Share