คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1669/2559

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 140, 141, 161 ทวิ กำหนดให้เจ้าพนักงานจราจรใช้ดุลพินิจเรียกเก็บใบอนุญาตขับขี่ไว้เป็นการชั่วคราว และให้ใบรับแทนใบอนุญาตขับขี่ที่ออกให้ใช้แทนใบอนุญาตขับขี่ได้เป็นการชั่วคราวไม่เกินเจ็ดวัน หรือใบรับการส่งธนาณัติ หรือใบรับการส่งตั๋วแลกเงิน ประกอบกับใบสั่งเป็นใบแทนใบอนุญาตขับขี่ได้เป็นเวลาสิบวันนับแต่วันที่ส่งธนาณัติหรือตั๋วแลกเงิน มีวัตถุประสงค์ที่จะให้ผู้ขับขี่ที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 รีบไปชำระค่าปรับตามคำสั่งของเจ้าพนักงานจราจรโดยเร็ว เพื่อจะได้รับใบอนุญาตขับขี่คืนจากพนักงานสอบสวนทันที อันจะทำให้สามารถขับขี่รถต่อไปได้โดยถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อเจ้าพนักงานจราจรผู้ออกใบสั่งมิได้รับมอบอำนาจจากผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ผู้บังคับการตำรวจจราจร ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจสั่งยึดใบอนุญาตขับขี่ที่ได้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 ครั้งละไม่เกินหกสิบวัน และผู้ขับขี่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งได้ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 161 จึงไม่มีอำนาจสั่งยึดใบอนุญาตขับขี่ตามบทบัญญัติดังกล่าว กรณีจึงไม่อาจแปลความคำว่า “เรียกเก็บใบอนุญาตขับขี่ไว้เป็นการชั่วคราว” ตามมาตรา 140 วรรคสาม ว่า เป็นการยึดใบอนุญาตขับขี่ การที่จำเลยซึ่งเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ประจำรถขับขี่รถในระหว่างที่เจ้าพนักงานจราจรเรียกเก็บใบอนุญาตขับขี่ไว้เป็นการชั่วคราว และพ้นกำหนดเวลาเจ็ดวันนับแต่วันที่เจ้าพนักงานจราจรออกใบรับแทนใบอนุญาตขับขี่แล้ว จึงมิใช่เป็นการปฏิบัติหน้าที่ในระหว่างถูกยึดใบอนุญาตขับรถตามกฎหมายว่าด้วยจราจรทางบกอันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.การขนส่งทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 152

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 4, 92, 94, 102, 111, 127, 152 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 4, 10 ทวิ, 140, 141, 155
จำเลยให้การรับสารภาพในข้อหาขัดคำสั่งเจ้าพนักงานจราจร และข้อหาแต่งกายไม่สะอาดเรียบร้อยตามแบบที่กำหนดในกฎกระทรวง ส่วนข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 102 (1), 127, 152 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 140, 141, 155 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงานจราจร ปรับ 1,000 บาท ฐานแต่งกายไม่สะอาดเรียบร้อยตามแบบที่กำหนดในกฎกระทรวง ปรับ 1,000 บาท ฐานปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ขับรถในระหว่างถูกยึดใบอนุญาตขับรถ จำคุก 6 เดือน และปรับ 20,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเฉพาะข้อหาขัดคำสั่งเจ้าพนักงานจราจรและข้อหาแต่งกายไม่สะอาดเรียบร้อยตามแบบที่กำหนดในกฎกระทรวง มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 6เดือน และปรับ 21,000บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติโดยคู่ความไม่โต้เถียงกันในชั้นฎีกาว่า เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2557 เจ้าพนักงานตำรวจสถานีตำรวจนครบาลธรรมศาลา จับกุมจำเลยในข้อหาขับรถไม่ใกล้ขอบทางเดินรถด้านซ้าย และออกใบสั่งของเจ้าพนักงานจราจรเพื่อให้จำเลยไปชำระค่าปรับ พร้อมเรียกเก็บใบอนุญาตขับขี่ชนิดที่ 2 ของจำเลยไว้เป็นการชั่วคราว และออกใบรับแทนใบอนุญาตขับขี่ให้แก่จำเลยไว้ โดยใบรับแทนใบอนุญาตขับขี่สามารถใช้แทนใบอนุญาตขับขี่ได้เป็นการชั่วคราวไม่เกิน 7 วัน แต่จำเลยยังไม่ได้ชำระค่าปรับตามคำสั่งเจ้าพนักงานจราจรดังกล่าว ต่อมาวันที่ 9 เมษายน 2557 เวลาประมาณ 10 นาฬิกา จำเลยขับรถบรรทุกพ่วง หมายเลขทะเบียน 80 – 4154 มุกดาหาร รถพ่วงหมายเลขทะเบียน 80 – 4155 มุกดาหาร ไปตามถนนสายภาชี – หินกอง โดยแต่งกายสวมเสื้อกล้ามสีดำ กางเกงขาสั้นสีฟ้า และสวมรองเท้าแตะ มาถึงจุดตรวจจุดสกัดที่ร้อยตำรวจโทชัยธนันท์ กับพวกตั้งไว้ ร้อยตำรวจโทชัยธนันท์กับพวกจึงเรียกให้จำเลยหยุดรถเพื่อตรวจสอบ การตรวจสอบไม่พบใบอนุญาตขับขี่ พบแต่ใบสั่งของเจ้าพนักงานจราจร จึงจับกุมจำเลยแจ้งข้อหาว่า ปฏิบัติหน้าที่ประจำรถเป็นผู้ขับขี่ในระหว่างใบอนุญาตขับขี่ถูกยึด และไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานจราจร ครั้นวันที่ 10 เมษายน 2557 จำเลยนำเงินไปชำระค่าปรับตามคำสั่งของเจ้าพนักงานจราจร เจ้าพนักงานจราจรได้คืนใบอนุญาตขับขี่ให้แก่จำเลย ความผิดฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงานจราจรและฐานแต่งกายไม่สะอาดเรียบร้อยตามแบบที่กำหนดในกฎกระทรวงยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ประจำรถปฏิบัติหน้าที่ในระหว่างถูกยึดใบอนุญาตขับรถตามกฎหมายว่าด้วยจราจรทางบกหรือไม่ โดยจำเลยฎีกาว่า พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 ไม่มีบทบัญญัติกำหนดไว้ว่าหากผู้กระทำความผิดไม่ชำระค่าปรับแล้วให้ถือว่าช่วงระยะเวลาที่เลยกำหนดชำระค่าปรับผู้กระทำความผิดถูกยึดใบอนุญาตขับขี่แล้ว ทั้งการยึดใบอนุญาตขับขี่ต้องเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 161 แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 นั้น เห็นว่า พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 ได้กำหนดเกี่ยวกับกรณีที่ผู้ขับขี่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 ไว้ในมาตรา 140 มาตรา 141 และมาตรา 141 ทวิ ว่า เมื่อเจ้าพนักงานจราจรพบว่าผู้ขับขี่ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 แล้ว เจ้าพนักงานจราจรจะว่ากล่าวตักเตือนผู้ขับขี่ หรือออกใบสั่งให้ผู้ขับขี่ชำระค่าปรับตามที่เปรียบเทียบก็ได้ ซึ่งในการออกใบสั่งให้ผู้ขับขี่ชำระค่าปรับตามที่เปรียบเทียบ เจ้าพนักงานจราจรจะเรียกเก็บใบอนุญาตขับขี่ไว้เป็นการชั่วคราวก็ได้ แต่ต้องออกใบรับแทนใบอนุญาตขับขี่ให้แก่ผู้ขับขี่ไว้ และเจ้าพนักงานจราจรต้องรีบนำใบอนุญาตขับขี่ที่เรียกเก็บไว้ไปส่งมอบพนักงานสอบสวนภายในแปดชั่วโมงนับแต่เวลาที่ออกใบสั่ง ใบรับแทนใบอนุญาตขับขี่ที่เจ้าพนักงานจราจรออกให้ใช้แทนใบอนุญาตขับขี่ได้เป็นการชั่วคราวไม่เกินเจ็ดวัน เมื่อผู้ขับขี่ได้ชำระค่าปรับต่อพนักงานสอบสวนตามที่เปรียบเทียบแล้ว ให้พนักงานสอบสวนคืนใบอนุญาตขับขี่ทันที กรณีที่ผู้ขับขี่ชำระค่าปรับตามที่เปรียบเทียบปรับโดยการส่งธนาณัติหรือตั๋วแลกเงินของธนาคารโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนให้เจ้าพนักงานจราจรหรือพนักงานสอบสวนรีบจัดส่งใบอนุญาตขับขี่คืนให้แก่ผู้ได้รับใบสั่งโดยเร็ว และให้ถือว่าใบรับการส่งธนาณัติหรือใบรับการส่งตั๋วแลกเงินประกอบกับใบสั่งเป็นใบแทนใบอนุญาตขับขี่ได้เป็นเวลาสิบวันนับแต่วันที่ส่งธนาณัติหรือตั๋วแลกเงิน ในกรณีที่ผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถซึ่งได้รับใบสั่งไม่ปฏิบัติตามใบสั่ง กรณีที่ทราบที่อยู่ของผู้ขับขี่หรือที่อยู่ของเจ้าของรถ ให้พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถให้มารายงานตัวที่พนักงานสอบสวน และให้พนักงานสอบสวนดำเนินการเปรียบเทียบและว่ากล่าวตักเตือนผู้ได้รับหมายเรียกดังกล่าว แต่ในกรณีที่ไม่อาจส่งหมายเรียกให้แก่ผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถได้ให้พนักงานสอบสวนแจ้งเป็นหนังสือไปยังนายทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์และตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก เพื่อให้นายทะเบียนแจ้งให้ผู้มาติดต่อขอชำระภาษีประจำปีสำหรับรถคันนั้นไปรายงานตัวที่พนักงานสอบสวนตามหมายเรียก และให้นายทะเบียนงดรับชำระภาษีประจำปีสำหรับรถคันนั้นไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าจะได้รับแจ้งจากพนักงานสอบสวนว่าได้มีการปฏิบัติตามหมายเรียกนั้นแล้ว เช่นนี้ การที่พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 กำหนดให้เจ้าพนักงานจราจรใช้ดุลพินิจเรียกเก็บใบอนุญาตขับขี่ไว้เป็นการชั่วคราวและให้ใบรับแทนใบอนุญาตขับขี่ที่ออกให้ใช้แทนใบอนุญาตขับขี่ได้เป็นการชั่วคราวไม่เกินเจ็ดวันหรือใบรับการส่งธนาณัติหรือใบรับการส่งตั๋วแลกเงินประกอบกับใบสั่งเป็นใบแทนใบอนุญาตขับขี่ได้เป็นเวลาสิบวันนับแต่วันที่ส่งธนาณัติหรือตั๋วแลกเงิน จึงมีวัตถุประสงค์ที่จะให้ผู้ขับขี่ที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 รีบไปชำระค่าปรับตามคำสั่งของเจ้าพนักงานจราจรโดยเร็วเพื่อจะได้รับใบอนุญาตขับขี่คืนจากพนักงานสอบสวนทันทีอันจะทำให้สามารถขับขี่รถต่อไปได้โดยถูกต้องตามกฎหมาย แต่หากผู้ขับขี่ไม่ไปชำระค่าปรับภายในกำหนดดังกล่าว เมื่อเลยกำหนดเวลาชำระค่าปรับแล้วผู้ขับขี่ย่อมไม่อาจขับขี่รถได้เพราะไม่มีใบอนุญาตขับขี่ที่จะแสดง ทั้งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 161 วรรคหนึ่ง ได้กำหนดให้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ผู้บังคับการตำรวจจราจร ผู้บังคับการตำรวจทางหลวงหรือผู้ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวเป็นผู้มีอำนาจสั่งยึดใบอนุญาตขับขี่ของผู้ขับขี่ที่ได้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มีกำหนดครั้งละไม่เกินหกสิบวัน และยังกำหนดให้ผู้ขับขี่ซึ่งถูกสั่งยึดใบอนุญาตขับขี่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งต่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอีกด้วย ดังนี้เจ้าพนักงานจราจรผู้ออกใบสั่งซึ่งมิได้รับมอบอำนาจจากผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวจึงไม่มีอำนาจสั่งยึดใบอนุญาตขับขี่ของผู้ขับขี่ที่ได้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 ได้ กรณีจึงไม่อาจแปลความคำว่า “เรียกเก็บใบอนุญาตขับขี่ไว้เป็นการชั่วคราว” ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 140 วรรคสาม ว่าเป็นการยึดใบอนุญาตขับขี่ได้ เพราะเป็นการขัดต่อเจตนารมณ์ของกฎหมายดังวินิจฉัยข้างต้น ดังนี้ การกระทำของจำเลยดังกล่าวจึงมิใช่เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ประจำรถปฏิบัติหน้าที่ในระหว่างถูกยึดใบอนุญาตขับรถตามกฎหมายว่าด้วยจราจรทางบก อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 152 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องในความผิดตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 152 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1

Share