คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1668/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 แกล้งทำเป็นถูกผีเข้าสิงเดินเข้าไปหาผู้เสียหายเมื่อผู้เสียหายตกใจวิ่งหนี จำเลยที่ 1 วิ่งไล่ตามบีบคอกดตัวผู้เสียหายลงกับพื้น จำเลยที่ 2 มิได้เข้าร่วมกับจำเลยที่ 1ในเหตุการณ์ดังกล่าว ทั้งขณะจำเลยที่ 1 ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายจำเลยที่ 2 ก็นั่งอยู่ห่างผู้เสียหายประมาณ 10 วา เมื่อจำเลยที่ 1ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายเสร็จแล้ว จำเลยที่ 2 จึงเข้ามาลากผู้เสียหายไปข่มขืนกระทำชำเราที่ข้างกอไผ่ห่างจากจุดที่จำเลยที่ 1ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายพอสมควร โดยจำเลยที่ 1 มิได้เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแต่อย่างใด การกระทำของจำเลยทั้งสองยังไม่เข้าลักษณะเป็นการโทรมหญิง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเรานางสาวใบด๊ะ แสงศรี ผู้เสียหาย ซึ่งมิใช่ภริยาของจำเลยทั้งสองโดยใช้กำลังประทุษร้ายบีบคอ และผลักผู้เสียหายล้มลงกับพื้นดินจนผู้เสียหายอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ แล้วจำเลยทั้งสองได้ผลัดกันข่มขืนชำเราผู้เสียหาย อันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276, 83 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2525 มาตรา 3จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276, 83 และพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2525 มาตรา 3จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 15 ปี จำเลยที่ 2 อายุ 14 ปี ไม่ต้องรับโทษ แต่เห็นสมควรให้ส่งตัวจำเลยที่ 2 ไปฝึกและอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กจังหวัดระยอง จนกว่าจำเลยที่ 2 จะมีอายุครบ 18 ปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 74 จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276 วรรคแรก ให้ลงโทษจำคุก จำเลยที่ 1 มีกำหนด 8 ปีนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์และจำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ส่วนปัญหาตามฎีกาของโจทก์ที่ว่าการกระทำของจำเลยทั้งสอง จะเป็นความผิดฐานร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงหรือไม่นั้น ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่าคดีได้ความจากคำผู้เสียหายว่า ในการข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายจำเลยที่ 1 ได้แกล้งทำเป็นถูกผีเข้าสิง จำเลยที่ 2 ก็มิได้แกล้งแสดงอาการดังกล่าวด้วย และเมื่อจำเลยที่ 1 ทำเป็นถูกผีเข้าสิงเดินเข้ามาหาผู้เสียหายทำท่าจะบีบคอจนผู้เสียหายตกใจกลัววิ่งหนีจำเลยที่ 1 ได้วิ่งไล่ตามทันและใช้มือทั้งสองบีบคอกดตัวผู้เสียหายล้มหงายลงกับพื้นแล้วข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย จำเลยที่ 2ก็ไม่ได้เข้าร่วมกับจำเลยที่ 1 ในเหตุการณ์ดังกล่าวในตอนหนึ่งตอนใดเลย กลับได้ความจากคำผู้เสียหายว่าขณะจำเลยที่ 1 ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายนั้น จำเลยที่ 2 ยังคงนั่งอยู่ห่างผู้เสียหายประมาณ 10 วาต่อเมื่อจำเลยที่ 1 ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายเสร็จแล้วจำเลยที่ 2จึงเข้ามาลากผู้เสียหายไปข่มขืนกระทำชำเราที่ข้างกอไผ่ ซึ่งตามแผนที่เกิดเหตุเอกสารหมาย จ.2 เห็นได้ว่าอยู่ห่างจากจุดที่จำเลยที่ 1 ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายพอสมควร ในตอนที่จำเลยที่ 2ลากตัวผู้เสียหายไปข่มขืนกระทำชำเราที่ข้างกอไผ่ จำเลยที่ 1ก็มิได้เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแต่อย่างใด พฤติการณ์แห่งคดีดังกล่าวยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคสองคงมีความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276 วรรคแรก”
พิพากษายืน

Share