แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าที่ดินของจำเลยตกอยู่ใต้ภาระจำยอมเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินของโจทก์โดยอายุความ ที่โจทก์ขอให้ศาลพิพากษาว่า ถ้าจำเลยไม่รื้อรั้วเปิดทางภารจำยอม ให้โจทก์เป็นผู้รื้อโดยจำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายนั้น ไม่ชอบด้วยวิธีการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 ทวิ เพราะเป็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานบังคับคดีที่จะดำเนินการตามบทกฎหมายดังกล่าวศาลคงพิพากษาให้ว่า ทางพิพาทเป็นทางภารจำยอม ให้จำเลยรื้อรั้วเปิดทางภารจำยอม ให้จำเลยไปจดทะเบียนทางภารจำยอมให้โจทก์หากไม่ไปให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ใช้ทางผ่านที่ดินของจำเลยเข้าออกมาประมาณ40 ปีแล้ว ทางดังกล่าวจึงตกอยู่ใต้ภารจำยอมเพื่อประโยชน์แห่งที่ดินของโจทก์โดยอายุความ ขอให้บังคับจำเลยรื้อรั้วเปิดทางภารจำยอมถ้าจำเลยไม่รื้อ ก็ให้โจทก์เป็นผู้รื้อโดยจำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้จำเลยไปจดทะเบียนทางภารจำยอมให้โจทก์ ถ้าจำเลยไม่ไป ให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่เคยใช้ที่ดินของจำเลยเป็นทางเข้าออกขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเชื่อว่า โจทก์ใช้ทางพิพาทเกินกว่า 10 ปีแล้วจริง โดยมิได้ขออนุญาตจากจำเลยและมิใช่เป็นการใช้โดยถือวิสาสะทางพิพาทจึงตกเป็นทางภารจำยอมโดยอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1401
อนึ่ง ที่โจทก์ขอให้ศาลพิพากษาว่า ถ้าจำเลยไม่รื้อรั้วเปิดทางภารจำยอม ให้โจทก์เป็นผู้รื้อโดยจำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายนั้นไม่ชอบด้วยวิธีการบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 296 ทวิ เพราะเป็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานบังคับคดีที่จะดำเนินการตามบทกฎหมายดังกล่าว
พิพากษากลับเป็นว่า ทางหมายเลข 5 ตามเอกสารหมาย จ.16 เป็นทางภารจำยอม กว้าง 3.90 เมตร ให้จำเลยรื้อรั้วเปิดทาง ภารจำยอมให้จำเลยไปจดทะเบียนทางภารจำยอมให้โจทก์ หากไม่ไปให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก.