แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีก่อนโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยเปิดทางภาระจำยอมประเด็นที่พิพาทกันคือทางที่ฟ้องเป็นทางภาระจำยอมหรือไม่ศาลพิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์ฟ้องคดีนี้ขอผ่านที่จำเลยในเส้นทางเดิมที่เคยใช้เพราะถือว่าเป็นทางจำเป็นประเด็นพิพาทอยู่ที่ว่าเป็นทางจำเป็นหรือไม่แตกต่างกับคดีก่อนไม่เป็นฟ้องซ้ำ
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยเปิดทางจำเป็น และเสนอจำนวนเงินค่าทดแทนเพื่อให้ศาลสั่งให้แก่จำเลยเป็นรายปีๆ ละ50 บาทเข้ามาด้วย จำเลยต่อสู้ว่าค่าทดแทนที่โจทก์เสนอต่ำกว่าราคาเป็นจริงของที่ดินจำเลย ดังนี้ ข้อพิพาทในประเด็นเรื่องค่าทดแทนจึงมีอยู่แล้วตามคำฟ้องและคำให้การ เมื่อโจทก์จำเลยได้นำสืบพยานในประเด็นข้อนี้กันมาแล้วศาลก็ย่อมมีอำนาจวินิจฉัยว่าสมควรจะให้ค่าทดแทนกันเพียงใด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๒๑๒๕ จำเลยเป็นเจ้าของที่ดินมีเขตติดต่อที่ดินโจทก์ทางด้านทิศเหนือ ที่ดินของโจทก์ตกอยู่ในที่ล้อมของที่ดินบุคคลอื่น ไม่อาจออกไปสู่ทางสาธารณะได้นอกจากต้องผ่านที่ดินของจำเลย จำเลยได้ตีสังกะสีปิดกั้นทางจำเป็นดังกล่าว โจทก์ไม่สามารถเข้าออกและใช้รถบรรทุกได้ขอให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปิดกั้นทางพิพาท ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องกระทำการอันเป็นการกีดขวางการใช้ถนนพิพาทต่อไปโดยโจทก์ยอมเสียค่าเสียหายให้จำเลยเป็นเงิน ๑,๕๐๐ บาท หากจำเลยจะเอาเป็นรายปียอมให้ปีละ ๕๐ บาท
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การว่า โจทก์มีทางออกจากที่ดินสู่ถนนสาธารณะได้ไม่จำเป็นต้องผ่านที่ดินของจำเลย หากจะต้องเปิดทางพิพาท จำเลยเสียหายเพราะที่ดินทางทิศตะวันออกของทางเหลือเป็นเศษเพียง ๗ วา โจทก์เสนอให้ราคาค่าทดแทนต่ำกว่าราคาที่แท้จริงของที่ดินจำเลย ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์ไม่เป็นฟ้องซ้ำ ที่ดินของโจทก์ตกอยู่ในที่ล้อม การเลือกออกสู่ทางสาธารณะโดยผ่านที่จำเลยเป็นทางที่สั้นและสะดวกที่สุด พิพากษาให้โจทก์มีสิทธิใช้ที่ดินของจำเลยตามทิศทางและเนื้อที่ที่ศาลกำหนดให้เป็นทางเข้าออก และมีสิทธิทำถนนภายในเขตที่ดินนั้นด้วย ห้ามจำเลยขัดขวางการใช้สิทธิของโจทก์ให้รื้อถอนสิ่งกีดกั้นทางในส่วนที่ทำให้โจทก์ใช้สิทธิดังกล่าวนี้ไม่ได้ ทั้งนี้ โจทก์จะต้องใช้ค่าทดแทนการใช้ที่ดินส่วนนี้ในอัตราปีละ ๕๐ บาทแก่จำเลยด้วย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยมิได้ฟ้องแย้งเรื่องค่าทดแทน จึงไม่มีประเด็นในเรื่องนี้พิพากษาแก้เป็นว่า ที่ให้โจทก์ใช้ค่าทดแทนให้จำเลยปีละ ๕๐ บาทนั้นให้ยก นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ในปัญหาที่จำเลยฎีกาว่าฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๒๘๔/๒๕๑๓ นั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๒๘๔/๒๕๑๓โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยเปิดทางภาระจำยอม ประเด็นที่พิพาทกันคือทางที่ฟ้องเป็นทางภาระจำยอมหรือไม่ แต่ฟ้องคดีนี้โจทก์ฟ้องขอผ่านที่จำเลยในเส้นทางเดิมที่เคยใช้เพราะถือเป็นทางจำเป็น ประเด็นพิพาทอยู่ที่ว่าเป็นทางจำเป็นหรือไม่แตกต่างกับคดีก่อน จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
สำหรับในปัญหาข้อเท็จจริงนั้น ศาลฎีกาฟังว่าที่ดินโจทก์อยู่ในที่ล้อมไม่มีทางออกถึงทางสาธารณะได้ และโจทก์ได้เลือกที่ผ่านพอสมควรแก่ความจำเป็น และจะเป็นเหตุให้จำเลยได้รับความเสียหายน้อยที่สุดที่จะเป็นได้แล้ว และเส้นทางที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้โดยได้เห็นสภาพของที่พิพาทแล้ว เป็นการใช้ดุลพินิจพอควรแก่ความจำเป็นของโจทก์แล้วไม่มีเหตุควรแก้ไข
เรื่องค่าทดแทนนั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฟ้องของโจทก์ได้เสนอให้ค่าทดแทนเพื่อให้ศาลสั่งให้แก่จำเลยเป็นรายปี ๆ ละ ๕๐ บาทเข้ามาด้วยจำเลยต่อสู้ว่าต่ำกว่าราคาเป็นจริงของที่ดินจำเลยข้อพิพาทในประเด็นเรื่องนี้จึงมีอยู่แล้วตามฟ้องและคำให้การของจำเลย ศาลจึงมีอำนาจวินิจฉัยว่าสมควรให้กันเพียงใด ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าไม่เป็นประเด็นในคดี ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย และศาลฎีกาเห็นควรวินิจฉัยโดยไม่ต้องย้อนสำนวน ศาลฎีกาพิจารณาข้อนำสืบของโจทก์จำเลยในประเด็นข้อนี้แล้ว เห็นสมควรให้จำเลยได้ค่าทดแทนปีละ ๑๕๐ บาท
พิพากษาแก้ เป็นให้โจทก์ใช้ค่าทดแทนให้จำเลยปีละ ๑๕๐ บาทนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์