คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 16533/2557

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ในรายงานการประชุม คณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (คชก.) ตำบลหนามแดง ผู้ทำหน้าที่เลขา คชก. ตำบลหนามแดงได้สรุปมติที่ประชุมไม่ครบถ้วนโดยขาดข้อความที่มีการตกลงให้เช่านาต่อไปอีก 4 ปี อันเป็นเพียงการผิดพลาดโดยผิดหลง แต่เนื้อหาก็มีปรากฏชัดเจนในรายงานการประชุมอยู่แล้ว หาทำให้ข้อตกลงเป็นอันสิ้นผลแต่ประการใดไม่ เมื่อจำเลยนำค่าเช่าไปชำระแก่โจทก์ตามข้อตกลงในการประชุม คชก. ตำบลหนามแดง จำเลยจึงสามารถอยู่ทำนาในที่ดินของโจทก์ต่อไปได้อีก 4 ปี นับแต่วันประชุม คชก. ตำบลหนามแดง ในวันที่ 13 สิงหาคม 2552 โจทก์นำคดีมาฟ้องจำเลยในวันที่ 15 มิถุนายน 2555 ยังไม่พ้นระยะเวลา 4 ปี โจทก์จึงไม่มีอำนาจขับไล่จำเลยและเรียกค่าเสียหาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยขนย้ายข้าวเปลือกที่หว่านในที่ดินที่เช่า ห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้องกับที่ดินของโจทก์ และให้จำเลยชำระค่าเสียหาย 416,000 บาท ต่อการทำนาแต่ละครั้ง นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะออกจากที่ดินของโจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยขนย้ายทรัพย์สินออกจากที่ดิน โฉนดเลขที่ 3830 ตำบลหนามแดง อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา แปลงที่ 38 ให้จำเลยชำระค่าเสียหายเดือนละ 100,000 บาท นับถัดจากวันที่ 15 มิถุนายน 2555 จนกว่าจำเลยจะออกจากที่ดินของโจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 10,000 บาท ให้ยกคำขออื่น
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ปีละ 22,000 บาท นับถัดจากวันที่ 15 มิถุนายน 2555 จนกว่าจำเลยจะออกจากที่ดินของโจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ คืนค่าขึ้นศาลส่วนที่เกิน 8,120 บาท แก่จำเลย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยและเรียกค่าเสียหายหรือไม่ เห็นว่า แม้โจทก์มีหนังสือถึงจำเลยและประธานคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมหรือ คชก. ตำบลหนามแดง เพื่อขอเลิกการเช่านากับจำเลย แต่เมื่อพิจารณาจากรายงานการประชุมในหน้าที่ 3 ที่มีการบันทึกถ้อยคำของทนายความของโจทก์ว่า ได้มีการเจรจาต่อรองกับผู้เช่านาแล้ว ให้เช่าต่อไปได้แต่ต้องชำระค่าเช่าค้างเก่าให้ครบถ้วนภายใน 2 ปี และให้เช่านาไปอีก 4 ปี ส่วนข้อความต่อมาที่มีการบันทึกถ้อยคำของนายเกรียงศักดิ์ ประธาน คชก. ตำบลหนามแดง ที่ว่า ตามกฎหมายผู้ไม่ชำระค่าเช่านารวมกันเป็นเวลาสองปี จะถือว่าสิ้นสุดการเช่านา แต่ทางโจทก์สามารถให้มีการชำระและทำนากันต่อไปได้ ดังนั้น เมื่อจำเลยนำค่าเช่าไปชำระแก่โจทก์ในวันที่ 19 สิงหาคม และ วันที่ 21 ธันวาคม 2552 ตามหลักฐานใบสำคัญรับ ซึ่งโจทก์ยอมรับไว้ว่าเป็นค่าเช่าค้างเก่าและมิได้ปฏิเสธการชำระเงินดังกล่าวว่าไม่ถูกต้อง จึงต้องฟังว่าจำเลยชำระค่าเช่านารายนี้แล้วภายหลังจากที่มีการประชุม คชก. ตำบลหนามแดงแม้โจทก์อ้างว่าเป็นการให้ความอนุเคราะห์ตามที่มีการไกล่เกลี่ยของ คชก. ตำบลหนามแดงแต่ไม่เป็นการเช่านาต่อและจำเลยมีสิทธิอยู่ในที่ดินของโจทก์ตามสัญญาเช่าเดิมที่เริ่มตั้งแต่ปี 2549 ถึง 2554 และเมื่อครบกำหนดจำเลยไม่มีสิทธิอยู่ในที่ดินอีกต่อไป แต่เห็นว่าข้อความในรายงานการประชุม คชก. หน้าที่ 3 มีการตกลงให้ ผู้เช่าที่ค้างชำระค่าเช่าสามารถชำระค่าเช่าให้ครบถ้วนภายใน 2 ปี แล้วจะให้เช่านาไปอีก 4 ปี ซึ่งในข้อนี้จำเลยนำสืบว่าได้นำค่าเช่าไปชำระแก่โจทก์แล้วตามหลักฐานใบสำคัญรับนอกจากนี้นายเกรียงศักดิ์ ประธาน คชก. ตำบลหนามแดง พยานจำเลย เบิกความยืนยันว่า ที่ประชุมมีมติให้จำเลยทำนาในที่ดินอีก 4 ปี นับแต่ปี 2554 จึงเป็นหลักฐานยืนยันให้เห็นเด่นชัดว่ามีการตกลงให้ผู้เช่าที่ค้างชำระค่าเช่า สามารถนำค่าเช่ามาชำระภายใน 2 ปี แล้วสามารถอยู่ทำนาไปอีก 4 ปี แม้รายงานการประชุม คชก. ตำบลหนามแดง ผู้ทำหน้าที่เลขา คชก. ตำบลหนามแดง ได้สรุปมติที่ประชุมไม่ครบถ้วนโดยขาดข้อความที่มีการตกลงให้เช่านาไปอีก 4 ปี ก็เป็นเพียงผิดพลาดโดยผิดหลง แต่เนื้อหาดังกล่าวมีปรากฏชัดเจนในรายงานการประชุมอยู่แล้ว หาทำให้ข้อตกลงเป็นอันสิ้นสุดผลแต่ประการใดไม่ เมื่อจำเลยนำค่าเช่าไปชำระแก่โจทก์ตามข้อตกลงในการประชุม คชก. ตำบลหนามแดง จำเลยจึงสามารถอยู่ทำนาในที่ดินของโจทก์ได้อีก 4 ปี นับแต่วันประชุมคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (คชก.) ตำบลหนามแดง ในวันที่ 13 สิงหาคม 2552 เมื่อโจทก์นำคดีมาฟ้องจำเลยในวันที่ 15 มิถุนายน 2555 ยังไม่พ้นระยะเวลา 4 ปี โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยและเรียกค่าเสียหาย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น
พิพากษากลับเป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ส่วนที่เกิน 8,120 บาท แก่จำเลย

Share