คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1653/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยหาบข้าวของผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายลักไปไปกองไว้ด้วยตนเอง เมื่อปรากฏว่าลักษณะของฟ่อนข้าวของผู้เสียหายกับของจำเลยแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเนื่องจากวัสดุที่ใช้มัดข้าวของผู้เสียหายเป็นไม้ไผ่ของจำเลยเป็นหญ้าแฝก ข้าวก็เป็นคนละพันธุ์ ข้าวของผู้เสียหายที่อยู่ในลานข้าวของจำเลยก็มิได้วางไว้พื้นนาแต่มีกองข้าวของจำเลยปิดทับอยู่ ต้องรื้อกองข้าวของจำเลยออกจึกพบข้าวของผู้เสียหาย พฤติการณ์เหล่านี้แสดงว่าจำเลยรับเอาข้าวของผู้เสียหายไว้ โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ลักมาจำเลยจึงมีความผิดฐานรับของโจร.(ที่มา-ส่งเสริม)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334,335(1), (12), 357 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2525 มาตรา 11 คืนข้าวเปลือกของกลางแก่ผู้เสียหายและให้จำเลยคืนหรือใช้ข้าวเปลือกจำนวน 8 มัด ราคา 300 บาทแก่นายสุด อู่สุวรรณด้วย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 357 จำคุก 2 ปี คืนข้าวเปลือกของกลางแก่ผู้เสียหาย ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาข้าวเปลือก 8 มัด แก่นายสุด อู่สุวรรณด้วย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง คืนข้าวเปลือกของกลางให้แก่เจ้าของ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิพากษาว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติตามที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าข้าวของกลาง 6 ฟ่อน อันเป็นของผู้เสียหายทั้งสองนั้นอยู่ในกองข้าวที่ลานนวดข้าวของจำเลย ซึ่งจำเลยมิได้ปฏิเสธมาในคำแก้ฎีกาของจำเลย คงมีปัญหาในชั้นฎีกาว่า จำเลยรับเอาข้าวของกลางไว้โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการลักทรัพย์หรือไม่ โจทก์มีนายสุด อู่สุวรรณและนางซ้อน อุทัศน์ ผู้เสียหายทั้งสองกับนายยอด มณีวงษ์ ผู้ใหญ่บ้าน มาเบิกความว่า ที่กองข้าวของผู้เสียหายมีรอยข้าวกองอยู่แต่ข้าวหายไปและมีรอยเท้าคนกับเศษข้าวที่ตกตามรอยเท้าคนจากนาของผู้เสียหายไปถึงลานข้าวของจำเลย ต้องรื้อกองข้าวของจำเลยออกจึงพบข้าวผู้เสียหาย ข้าวของผู้เสียหายคนละพันธุ์กับข้าวของจำเลย เมล็ดข้าวไม่เหมือนกัน วัสดุที่ใช้มัดข้าวไม่เหมือนกัน ร้อยตำรวจตรีสุวัฒน์ ปราสัยระบิน พนักงานสอบสวนก็เบิกความว่า เมล็ดข้าวของผู้เสียหายขาวกว่า ใหญ่กว่าและยาวกว่าของจำเลย วัสดุที่ใช้มัดข้าวของผู้เสียหายเป็นไม้ไผ่ ของจำเลยเป็นหญ้าแฝก เมื่อลักษณะของฟ่อนข้าวของผู้เสียหายทั้งสองและจำเลยแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ทั้งข้าวก็อยู่ในกองมิได้วางไวัตามพื้นนา การที่ข้าวของผู้เสียหายไปอยู่ในลานข้าวของจำเลยและมีกองข้าวของจำเลยทับอยู่น่าเชื่อว่ามีคนลักเอาไปโดยเจตนาไม่ใช่คนที่มาช่วยจำเลยแบกเอาไปโดยผิดหลง เมื่อจำเลยอยู่ที่ลานข้าวและหาบข้าวไปไว้ด้วยตนเอง จำเลยย่อมเห็นข้าวที่คนไปลักเอามามีลักษณะเมล็ดข้าว วัสดุที่มัดฟ่อนข้าวไม่เหมือนของจำเลย ก็ต้องรู้ได้ทันที่ว่าไม่ใช่ข้าวของจำเลย เมื่อจำเลยรับเอาไว้โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ลักมา จำเลยจึงมีความผิดฐานรับของโจรดังฟ้องที่จำเลยนำสืบว่า ข้าวของผู้เสียหายกับของจำเลยเหมือนกันและจำเลยก็ใช้ตอกมัดเหมือนของผู้เสียหาย เมื่อผู้เสียหายหยิบข้าวในกองของจำเลยมา 1 ฟ่อน จำเลยก็ว่าเป็นของจำเลยนั้นแตกต่างกับที่จำเลยให้กาาต่อพนักงานสอบสวน ว่าไม่รู้ว่าข้าวจำนวน 6 ฟ่อนของผู้เสียหายมาอยู่ในลานข้าวของจำเลยอย่างไร และรับว่าข้าว6 ฟ่อนไม่ใช่ของจำเลย พยานจำเลยจึงไม่อาจหักล้างพยานโจทก์ได้ฎีกาของโจทก?ฟังขึ้นแต่ที่โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นนั้น เห็นว่า จำเลยรับของโจรข้าวของผู้เสียหายเพียง6 ฟ่อน ตามที่โจทก์ฟ้องซึ่งเป็นทรัพย์ที่มีราคาไม่มากนัก ควรกำหนดโทษให้เบาลงและจำเลยไม่ต้องคืนหรือใช้ราคาทรัพย์จำนวนที่ยังไม่ได้คืนอีก
พิพากษากลับ จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357จำคุก 1 ปี ข้าวเปลือกของกลางคืนผู้เสียหาย คำขออื่นให้ยก”

Share