คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1651/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยได้นำหนังสือมอบอำนาจของผู้ช่วยหัวหน้าเขตซึ่งมีถึงสารวัตรใหญ่สถานีตำรวจนครบาลขอให้ดำเนินคดีแก่ ม. ตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 70 ไปแจ้งความและมอบหนังสือมอบอำนาจให้แก่พนักงานสอบสวนแล้ว จำเลยย่อมหมดหน้าที่การที่จำเลยเรียกและรับเงินจาก ม. และแก้ไขเอกสารดังกล่าวในภายหลัง เป็นการกระทำนอกตำแหน่งหน้าที่ราชการ มิใช่ในฐานะเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ต้องปฏิบัติหรือละเว้นหน้าที่โดยมิชอบจำเลยจึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 หนังสือมอบอำนาจดังกล่าวเป็นหนังสือราชการของผู้บังคับบัญชาของจำเลยไม่ใช่หนังสือของจำเลย จำเลยไม่มีอำนาจที่จะแก้ไขจากมาตรา 70 เป็นมาตรา 65 ซึ่งมีอัตราโทษน้อยกว่า กรณีอาจเกิดความเสียหายแก่พนักงานสอบสวนหรือทางราชการกรุงเทพมหานคร ดังนี้จำเลยมีความผิดฐานปลอมเอกสารราชการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 265

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90,91, 149, 157, 184, 264 และ 265 และคืนเงินของกลางแก่เจ้าของ จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 จำคุก 2 ปี คืนเงินของกลางแก่เจ้าของคำขออื่นให้ยก โจทก์และจำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และมาตรา 265แต่เป็นความผิดกรรมเดียวกัน ซึ่งผิดต่อกฎหมายหลายบท วางโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 ซึ่งเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 วางโทษจำคุก 5 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงซึ่งจำเลยไม่โต้เถียงในชั้นฎีกาฟังได้ว่า จำเลยรับราชการในตำแหน่งนายช่างโยธา หมวดควบคุมสาย 3 งานโยธา เขตบางเขน มีหน้าที่ตรวจสอบควบคุมการก่อสร้างอาคาร เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2524 จำเลยตรวจพบว่านายมรกต ศรีปทุม หรือศรีประทุม เจ้าของอาคารตลาดสดลาดพร้าวซึ่งเป็นอาคารเพื่อพาณิชยกรรมได้ดัดแปลงต่อเติมอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงทำรายงานเสนอผู้บังคับบัญชาเพื่อขอให้ดำเนินคดีแก่นายมรกตในข้อหาผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522มาตรา 70 ผู้บังคับบัญชาของจำเลยได้พิจารณาตามลำดับชั้นแล้วในที่สุดผู้ช่วยหัวหน้าเขตบางเขน ผู้บังคับบัญชาของจำเลยซึ่งปฏิบัติราชการแทนผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เจ้าพนักงานท้องถิ่นจึงออกหนังสือราชการที่ กทม. 9011/7847 ลงวันที่ 30 กันยายน 2524ถึงสารวัตรใหญ่สถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน ขอให้ดำเนินคดีแก่นายมรกตในข้อหาความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522มาตรา 70 โดยมอบอำนาจให้จำเลยเป็นผู้แจ้งความปรากฏตามเอกสารหมายจ.4 จำเลยได้นำหนังสือมอบอำนาจหมาย จ.4 ไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนและมอบหนังสือดังกล่าวให้พนักงานสอบสวนไปแล้ว ต่อมานายมรกตได้ไปติดต่อกับจำเลยขอให้จำเลยช่วยเหลือโดยให้ระงับการดำเนินคดีจำเลยได้เรียกร้องเงินจำนวน 10,000 บาท จากนายมรกตโดยรับจะช่วยเหลือนายมรกตให้ได้รับโทษน้อยลง นายมรกตตกลงยินยอมจ่ายเงินให้แก่จำเลยตามที่เรียกร้อง และกำหนดชำระเงินกันแต่ก่อนจะถึงกำหนดนัด นายมรกตได้ไปร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ(ปปป.) เจ้าหน้าที่ดังกล่าวจึงวางแผนจับกุมจำเลย ครั้นวันที่15 กันยายน 2525 ซึ่งเป็นวันนัด นายมรกตจึงนำเงินจำนวน 10,000บาท ไปมอบให้แก่จำเลยที่สำนักงานเขตบางเขน จำเลยได้รับหนังสือมอบอำนาจเอกสารหมาย จ.4 จากร้อยตำรวจโทคำภีร์ แก้วศรีราวงษ์พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน แล้วจัดการแก้ไขเลขมาตราซึ่งกล่าวหานายมรกตจากมาตรา 70 เป็นมาตรา 65 ซึ่งอัตราโทษน้อยกว่า จากนั้นจำเลยคืนหนังสือมอบอำนาจให้แก่ร้อยตำรวจโทคัมภีร์เพื่อดำเนินการเปรียบเทียบปรับนายมรกต เจ้าหน้าที่สำนักงาน ปปป.และเจ้าพนักงานตำรวจ ซึ่งสังเกตการณ์อยู่ในบริเวณนั้นจึงเข้าทำการจับกุมและยึดเงินจำนวน 10,000 บาท จากจำเลยเป็นของกลาง พิเคราะห์แล้ว ตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 4 บัญญัติความหมายของ “เจ้าพนักงานท้องถิ่น” ว่าได้แก่ (1) นายกเทศมนตรีสำหรับในเขตเทศบาล (2) ประธานกรรมการสุขาภิบาล สำหรับในเขตสุขาภิบาล (3) ผู้ว่าราชการจังหวัด สำหรับในเขตองค์การบริหารส่วนจังหวัด (4) ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร สำหรับในเขตกรุงเทพมหานคร (5) ปลัดเมืองพัทยา สำหรับในเขตเมืองพัทยา(6) หัวหน้าผู้บริหารท้องถิ่นขององค์การปกครองท้องถิ่นที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดให้เป็นราชการส่วนท้องถิ่นตามพระราชบัญญัตินี้สำหรับในเขตราชการส่วนท้องถิ่นนั้น บทบัญญัติดังกล่าวกำหนดตัวผู้เป็นเจ้าพนักงานท้องถิ่นไว้โดยชัดแจ้ง ฉะนั้นกรณีของจำเลยซึ่งรับราชการในตำแหน่งช่างโยธามีหน้าที่ตรวจสอบควบคุมการก่อสร้างอาคารในเขตท้องที่บางเขน จึงมิใช่เจ้าพนักงานท้องถิ่นที่จะมีอำนาจแจ้งความดำเนินคดีแก่ผู้ฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติควบคุมอาคารได้โดยลำพัง ศาลฎีกาได้ตรวจคำสั่งกรุงเทพมหานครที่ 77/2523เรื่องขั้นตอนและวิธีดำเนินการเกี่ยวกับการก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคารตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ข้อ 1 กรณีการก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคารโดยมิได้รับอนุญาตแล้ว คำสั่งดังกล่าวระบุให้หัวหน้าเขตเป็นผู้ดำเนินคดีหรือสั่งให้รื้อถอนอาคาร ฯลฯ นั้น แม้ว่าจำเลยซึ่งเป็นผู้ตรวจพบการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติควบคุมอาคารและได้รับมอบอำนาจให้จำเลยไปแจ้งความดำเนินคดีแก่นายมรกตผู้เสียหายแล้วตามเอกสารหมาย จ.4 ก็ตาม เมื่อปรากฏว่าจำเลยได้ดำเนินการแจ้งความตามที่ได้รับมอบหมายแล้ว คดีไม่ได้ความว่าทางหัวหน้าเขตได้มอบหมายให้จำเลยมีหน้าที่ดำเนินการเกี่ยวกับความผิดที่ได้แจ้งความดำเนินคดีแก่นายมรกตผู้เสียหายต่อไปอย่างไรอีก ผลการดำเนินคดีของพนักงานสอบสวนเป็นประการใดนั้น ก็ต้องรายงานให้ทางเขตทราบตามข้อความท้ายเอกสารหมาย จ.4 จำเลยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งตามคำเบิกความของนายเทอดศักดิ์ ชีวะก้องเกียรติผู้ช่วยหัวหน้าเขตบางเขน และนายชูชีพ ศิลปรัตน์ หัวหน้าเขตบางเขนพยานโจทก์ก็เบิกความรับรองในข้อนี้ว่าเมื่อจำเลยแจ้งความตามที่รับมอบหมายแล้วก็หมดหน้าที่ การดำเนินคดีต่อไปเป็นเรื่องของหัวหน้าเขต ดังนั้น แม้การที่จำเลยเรียกและรับเงินจากนายมรกตในการแก้ไขเอกสารหมาย จ.4 ซึ่งทำให้นายมรกตได้รับโทษน้อยลงหรือไม่ก็ตาม แต่เมื่อปรากฏว่าจำเลยได้กระทำนอกตำแหน่งหน้าที่ราชการของจำเลย มิใช่ในฐานะเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ต้องปฏิบัติหรือละเว้นหน้าที่โดยมิชอบ จำเลยจึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 149 ส่วนหนังสือมอบอำนาจเอกสารหมาย จ.4 เป็นหนังสือราชการของผู้บังคับบัญชาของจำเลยไม่ใช่หนังสือของจำเลย การที่ผู้บังคับบัญชาของจำเลยมีหนังสือดังกล่าวถึงสารวัตรใหญ่สถานีตำรวจนครบาลพหลโยธินกล่าวหาว่า นายมรกตกระทำผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 70 นั้น แสดงว่า ผู้บังคับบัญชาของจำเลยประสงค์จะให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีแก่นายมรกตตามบทบัญญัติดังกล่าวเป็นข้อสำคัญ จำเลยไม่มีอำนาจหน้าที่ใด ๆ ที่จะไปแก้ไขหนังสือมอบอำนาจของผู้บังคับบัญชาได้ การที่จำเลยแก้ไขหนังสือมอบอำนาจจากมาตรา 70 เป็นมาตรา 65 ย่อมทำให้พนักงานสอบสวนเข้าใจว่า ผู้บังคับบัญชาของจำเลยประสงค์ให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีแก่นายมรกตตามมาตรา 65 อันเป็นบทที่มีอัตราโทษน้อยกว่ามาตรา 70กรณีจึงอาจเกิดความเสียหายแก่พนักงานสอบสวนหรือทางราชการกรุงเทพมหานคร การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานปลอมเอกสารราชการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 โดยไม่จำต้องวินิจฉัยว่าจำเลยได้กระทำโดยทุจริตหรือไม่ ซึ่งไม่ใช่องค์ประกอบของความผิดฐานปลอมเอกสาร”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 265 วรรคแรก ให้จำคุก 2 ปี คืนเงินของกลางแก่เจ้าของ

Share