คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1651/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยสั่งซื้ออุปกรณ์สระว่ายน้ำจากโจทก์เป็นเงิน 30,698บาท เป็นคำฟ้องที่ชัดเจนพอที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้แล้ว ส่วนรายละเอียดอุปกรณ์สระว่ายน้ำมีอะไรบ้าง เป็นข้อที่จะนำสืบในชั้นพิจารณา แม้ไม่บรรยายมาในฟ้องก็ไม่ทำให้เป็นฟ้องเคลือบคลุม และโจทก์ไม่จำเป็นต้องบรรยายฟ้องว่า คนของจำเลยผู้ใดเป็นคนเซ็นรับของ เพียงแต่กล่าวว่าได้ส่งของให้จำเลยรับไปแล้วก็เป็นฟ้องที่ชอบ
เอกสารตามสำเนาท้ายฟ้อง ซึ่งเป็นภาษาต่างประเทศ แม้โจทก์จะมิได้ส่งคำแปลเป็นภาษาไทย หากมีข้อความในเอกสารเป็นภาษาไทยอยู่บางส่วนอ่านได้ใจความสำคัญ ย่อมรับฟังเอกสารดังกล่าวได้
ปัญหาซึ่งศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยสละข้อต่อสู้ในศาลชั้นต้นจึงไม่รับวินิจฉัย จำเลยมิได้ฎีกาโต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าจำเลยยังไม่ได้สละข้อต่อสู้ เพียงแต่ยกปัญหาดังกล่าวขึ้นฎีกาต่อมาศาลฎีกาย่อมไม่รับวินิจฉัย เพราะไม่ใช่ข้อที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้ว
แม้จำเลยจะยอมรับผิดตามฟ้องเต็มจำนวนเงินที่เรียกร้องหรือแต่บางส่วน หากจำเลยไม่นำเงินมาวางศาลเพื่อให้โจทก์รับไป จำเลยก็ต้องรับผิดเสียดอกเบี้ย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซื้ออุปกรณ์สระว่ายน้ำจากโจทก์เป็นเงิน 30,698 บาท และให้โจทก์ติดตั้งให้ด้วยโดยคิดค่าติดตั้ง 2,750 บาท จำเลยชำระเงินแล้ว 25,000 บาท ยังค้างชำระ 8,448 บาท ขอให้บังคับจำเลยใช้พร้อมด้วยดอกเบี้ยนับแต่วันผิดนัด

จำเลยต่อสู้ว่า ฟ้องเคลือบคลุม การซื้อขายไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยเคยเป็นหนี้ค่าอุปกรณ์สระว่ายน้ำและค่าติดตั้งอยู่ 8,000 บาทเศษ แต่จะใช่รายที่โจทก์ฟ้องหรือไม่ไม่รับรอง แต่โจทก์บกพร่องในการติดตั้ง ทำให้จำเลยเสียหาย 3,500 บาท ซึ่งโจทก์ตกลงให้หักเงินจำนวนนี้ได้ แต่ภายหลังไม่ยอม จำเลยจะต้องจ่ายเงินอีกเพียง 5,000 บาท

ในการชี้สองสถาน ศาลชั้นต้นสอบถามจำเลยว่าจะต่อสู้อย่างไรแน่จำเลยแถลงว่าขอต่อสู้ว่า เป็นหนี้โจทก์อยู่ 8,000 บาท แต่จำเลยมีสิทธิหักค่าเสียหาย 3,500 บาท และต่อสู้ว่าฟ้องเคลือบคลุม และยอมสละข้อต่อสู้ข้อแรก

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามฟ้องพร้อมด้วยดอกเบี้ย

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม ส่วนประเด็นการซื้อขายราคาเกิน 500 บาท โจทก์ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือนั้นจำเลยแถลงสละข้อต่อสู้แล้วไม่จำเป็นต้องยกขึ้นวินิจฉัยอีก อุทธรณ์ข้ออื่นก็ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า

1. ที่จำเลยฎีกาว่า ฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมนั้น เห็นว่าตามคำฟ้องของโจทก์ได้กล่าวไว้ว่า จำเลยสั่งซื้ออุปกรณ์สระว่ายน้ำจากโจทก์เป็นเงิน 30,698 บาท และค่าติดตั้งอีก 2,750 บาท ชัดเจนพอที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้แล้ว ที่โจทก์ไม่บรรยายรายละเอียดว่าอุปกรณ์สระว่ายน้ำมีอะไรบ้างนั้น เป็นรายละเอียดที่จะนำสืบในชั้นพิจารณา แม้ไม่บรรยายมาก็ไม่ทำให้ฟ้องเคลือบคลุม และโจทก์ไม่จำต้องบรรยายฟ้องว่า คนของจำเลยผู้ใดเป็นคนเซ็นรับของ เพียงแต่กล่าวว่าได้ส่งของให้จำเลยรับไปแล้ว ก็เป็นฟ้องที่ชอบแล้วส่วนเอกสารตามสำเนาท้ายฟ้องที่จำเลยว่าไม่มีคำแปลภาษาไทยรับฟังไม่ได้นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า เอกสารฉบับนี้นอกจากภาษาต่างประเทศยังมีข้อความภาษาไทยชัดเจนฟังได้ว่า ได้มีการซื้อขายอุปกรณ์สระว่ายน้ำ แม้จะไม่ได้แปลรายละเอียดซึ่งเป็นภาษาต่างประเทศก็รับฟังเอกสารฉบับนี้ได้

2. ที่จำเลยฎีกาว่า การซื้อขายรายนี้เกินกว่า 500 บาทต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ แต่โจทก์ไม่บรรยายฟ้องว่ามีหลักฐานอะไรเพียงแต่ส่งเอกสารตามสำเนาท้ายฟ้องซึ่งเป็นภาษาต่างประเทศจึงฟังไม่ได้นั้น

ศาลฎีกาเห็นว่า ในปัญหาข้อนี้ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยได้สละข้อต่อสู้แล้วไม่วินิจฉัย จำเลยมิได้ฎีกาคัดค้านว่า จำเลยไม่ได้สละข้อต่อสู้ จึงไม่มีประเด็นที่จะวินิจฉัย ประเด็นตามปัญหาที่จำเลยฎีกาย่อมตกไป

3. ที่จำเลยฎีกาว่า มีสิทธิหักเงิน 3,500 บาทนั้น ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ความเสียหายเกิดจากคนของจำเลย และโจทก์ไม่ได้ตกลงยอมให้จำเลยหักเงินจำนวนนี้

4. ที่จำเลยฎีกาว่า จะคิดดอกเบี้ยจากเงิน 5,000 บาทไม่ได้เพราะเงินจำนวนนี้จำเลยยอมรับผิดต่อโจทก์อยู่แล้ว แต่โจทก์ไม่ยอมรับเอาเองนั้น

ศาลฎีกาเห็นว่า แม้จำเลยจะยอมรับผิดในเงิน 5,000 บาท แต่จำเลยก็ไม่ได้นำมาวางศาลเพื่อให้โจทก์รับไป จำเลยจึงต้องรับผิดเสียดอกเบี้ย

พิพากษายืน

Share