คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1650/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 เช่าซื้อรถยนต์จากห้าง ผ. แล้วนำไปประกันภัยไว้กับจำเลยที่ 3 โดยระบุว่านางสาว ก. เป็นผู้เอาประกันภัย แม้จะมีชื่อจำเลยที่ 1 ในวงเล็บต่อจากชื่อนางสาว ก. ในกรมธรรม์ประกันภัยและจำเลยที่ 1 จะเป็นผู้ส่งเบี้ยประกันภัยก็ตาม แต่ที่อยู่ที่ปรากฏในกรมธรรม์ประกันภัยไม่ใช่ที่อยู่ของจำเลยที่ 1 หากเป็นที่อยู่ของนางสาว ก. การที่วงเล็บชื่อจำเลยที่ 1 ไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยก็เพื่อแสดงว่ารถยนต์คันที่เอาประกันอยู่ในความครอบครองของจำเลยที่ 1 เท่านั้น จำเลยที่ 1มิใช่ผู้เอาประกันภัย จึงไม่มีนิติสัมพันธ์กับจำเลยที่ 3ดังนั้น เมื่อจำเลยที่ 2 ทำละเมิดในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 3 ก็ไม่ต้องรับผิดชอบร่วมด้วยในผลแห่งการละเมิดตามสัญญากรมธรรม์ประกันภัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 2 ขับรถยนต์จำเลยที่ 1 ในทางการที่จ้างเพื่อประโยชน์ของจำเลยที่ 1 ด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังชนโจทก์ได้รับอันตรายบาดเจ็บสาหัส จำเลยที่ 1 ในฐานะนายจ้างของจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 ในฐานะผู้รับประกันภัยค้ำจุนรถยนต์จำเลยที่ 1 จะต้องร่วมรับผิดในผลละเมิดของจำเลยที่ 2 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนและดอกเบี้ยเป็นเงิน 190,230 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของจำนวนเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่โจทก์

จำเลยที่ 1 และที่ 3 ให้การว่า จำเลยที่ 1 มิได้เป็นเจ้าของและผู้ครอบครองรถยนต์คันเกิดเหตุ จำเลยที่ 2 มิได้เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1จำเลยที่ 2 มิได้ทำละเมิดต่อโจทก์ ค่าเสียหายของโจทก์ไม่เกิน 10,200บาท โจทก์เรียกดอกเบี้ยทบต้น จำเลยที่ 1 และที่ 3 ไม่ต้องรับผิดชดใช้ดอกเบี้ย และจำเลยที่ 3 ให้การตัดฟ้องว่า โจทก์มิได้ทวงถามจำเลยที่ 3ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก จึงไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยที่ 3 มิได้ทำละเมิดต่อโจทก์ จึงไม่ต้องรับผิด จำเลยที่ 1 และที่ 2 ไม่มีนิติสัมพันธ์กับจำเลยที่ 3หากฟังว่าจำเลยที่ 3 ต้องรับผิด จำเลยที่ 3 ก็รับผิดไม่เกิน 10,000 บาทขอให้ยกฟ้อง

จำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า เหตุที่เกิดขึ้นเป็นเพราะความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ขับรถไปในทางธุรกิจของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ต้องร่วมรับผิดในผลละเมิดที่จำเลยที่ 2 ได้ก่อให้เกิดขึ้น จำเลยที่ 3 รับประกันภัยค้ำจุนรถยนต์คันพิพาท โจทก์มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่ 3 รับผิดชอบได้โดยตรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 887 วรรคสอง แต่ความรับผิดของจำเลยที่ 3 ต่อความเสียหายของบุคคลภายนอกจำกัดจำนวนไม่เกิน 10,000 บาท พิพากษาให้จำเลยที่ 1และที่ 2 ร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทน 22,250 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีตั้งแต่วันเกิดเหตุจนกว่าจะชำระเสร็จโดยให้จำเลยที่ 3 ร่วมรับผิดสำหรับค่าสินไหมทดแทนเป็นจำนวน 10,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันเกิดเหตุจนกว่าจะชำระเสร็จ

จำเลยที่ 3 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้ยกฟ้องคดีเฉพาะจำเลยที่ 3 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สัญญากรมธรรม์ประกันภัยระบุว่า นางสาว ก.(นาง ศ.) 668/1 ข. ถนนสุขุมวิท ตำบลบางปลาสร้อย อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี เป็นผู้เอาประกันภัย ซึ่งแม้จะมีชื่อของจำเลยที่ 1 ในกรมธรรม์ประกันภัยดังกล่าวก็ตามก็อยู่ภายในวงเล็บ ที่อยู่ตามที่ปรากฏก็มิใช่ที่อยู่ของจำเลยที่ 1หากแต่เป็นที่อยู่ของนางสาว ก. แม้โจทก์จะเบิกความว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้เอาประกันภัยรถยนต์คันที่ชนโจทก์ไว้กับจำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 1 เป็นผู้ส่งเบี้ยประกันภัยก็ตาม แต่ก็ได้ความจาก นาย ว. พยานจำเลยที่ 1 และที่ 3 ว่ารถยนต์คันดังกล่าวนางสาว ก. เป็นผู้ทำสัญญาประกันภัย การที่วงเล็บชื่อจำเลยที่ 1 ไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยก็เพื่อแสดงว่ารถยนต์คันที่เอาประกันภัยอยู่ในความครอบครองของจำเลยที่ 1 เท่านั้น จึงทำให้เห็นได้ว่าจำเลยที่ 1 มิใช่ผู้เอาประกันภัยกับจำเลยที่ 3 แต่ประการใด จำเลยที่ 1ไม่มีนิติสัมพันธ์กับจำเลยที่ 3 และแม้จำเลยที่ 2 จะทำละเมิดในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 3 ก็ไม่ต้องรับผิดชอบร่วมด้วยในผลแห่งการละเมิดตามสัญญากรมธรรม์ประกันภัย

พิพากษายืน

Share