คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1650/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดเมื่อระหว่างวันที่ 22 ธันวาคม 2512 ถึงวันที่ 8 เมษายน 2513 ผู้เสียหายเบิกความว่า ในเดือนธันวาคม 2512 มีผู้มาชักชวนผู้เสียหายไปทำงานพาผู้เสียหายไปค้าง 2 คืน แล้วจำเลยก็มาชวนผู้เสียหายไปทำงานผู้เสียหายก็ไปกับจำเลยไปถึงบ้านจำเลยวันที่ 23 พฤษภาคม 2512 ต่อจากนั้นจำเลยก็บังคับให้ผู้เสียหายร่วมประเวณีกับชายอื่นผู้เสียหายไม่ยอม จำเลยก็นำผู้เสียหายไปขายให้บุคคลอื่น ดังนี้ เห็นชัดว่าผู้เสียหายเบิกความผิดไป ความจริงผู้เสียหายมาถึงบ้านจำเลยวันที่ 23 ธันวาคม 2512ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวันเกิดเหตุที่ได้ความทางการพิจารณาจึงไม่แตกต่างกับฟ้อง
เมื่อการกระทำของจำเลยต่อผู้เสียหายเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283 และ 284. ย่อมถือว่าการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องว่า เมื่อระหว่างเวลาตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2512 ถึงวันที่ 8 เมษายน 2513 เวลากลางวัน จำเลยเป็นเจ้าของบริการและเป็นผู้จัดการสถานการค้าประเวณี และตามวันเวลาดังกล่าว จำเลยเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่นเป็นธุระจัดหาหลอกลวง ขู่เข็ญ ใช้กำลังประทุษร้าย ใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรม ล่อไป ชักพาไป เพื่อการอนาจาร ซึ่งนางสาวเล็ก ชมกลิ่นผู้เสียหาย โดยจำเลยใช้กำลังกายตบตีและขู่เข็ญจะทำอันตรายแก่ชีวิต เพื่อให้ผู้เสียหายกระทำการค้าประเวณีกับชายอื่นขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282, 283, 284 พระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2503 มาตรา 4, 9 และขอให้นับโทษจำเลยต่อกับคดีอื่น

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283, 284 ให้ลงโทษเฉพาะกระทงหนักที่สุด แต่โทษสองมาตรานี้เท่ากัน จึงให้ลงโทษตามมาตรา 283 ให้จำคุกไว้มีกำหนด 5 ปี คำขออื่นให้ยก

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์ฎีกา

ในชั้นอุทธรณ์ จำเลยอุทธรณ์ในข้อกฎหมายว่าโจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2512 เวลากลางวันถึงวันที่ 8 เมษายน 2513 เวลากลางวัน จำเลยได้กระทำผิดตามฟ้อง แต่ทางพิจารณาได้ความว่าผู้เสียหายไปอยู่บ้านจำเลยเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2512 ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวันเวลาเกิดเหตุที่ได้ความทางพิจารณาจึงแตกต่างกับฟ้อง ในข้อนี้ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า นางสาวเล็กผู้เสียหายเบิกความว่า เมื่อเดือนธันวาคม 2512 ผู้เสียหายได้มาขายข้าวแกงกับอาที่บางปู มีชาย 2 คน และหญิงคนหนึ่งชวนไปทำงาน ผู้เสียหายไปด้วย ไปพักที่นาเกลือ 2 คืน รุ่งขึ้นจำเลยก็มาที่บ้านนั้น ชักชวนผู้เสียหายให้ไปขายเครื่องดื่มที่บ้านจำเลยอยู่กับจำเลยได้3 วัน จำเลยบังคับให้หาเงินกับแขกผู้ชายที่มาเที่ยว ผู้เสียหายไม่ยอม จำเลยจึงนำผู้เสียหายไปขายให้นายฟุ้งอยู่กับนายฟุ้งได้ 4 เดือน 5 วัน ตำรวจก็มาจับ และผู้เสียหายเบิกความว่า มาถึงบ้านจำเลยวันที่ 23 พฤษภาคม 2512 ศาลฎีกาเห็นว่า ถ้าผู้เสียหายมาถึงบ้านจำเลยในวันที่ 23 พฤษภาคม 2512 จริง ทางพิจารณาที่ได้ความก็แตกต่างกับฟ้องมากเพราะเป็นเวลาก่อนที่ปรากฏในฟ้องถึง 7 เดือน แต่เห็นได้ชัดว่าผู้เสียหายเบิกความผิดพลาดไป คือ แทนที่จะเบิกความว่าวันที่ 23 ธันวาคม 2512 กลายเป็นเบิกความว่าวันที่ 23 พฤษภาคม 2512 นั่นเอง เพราะวันที่ 23พฤษภาคม 2512 ยังไม่มีใครชักชวนผู้เสียหายไปไหนเลย จึงน่าเชื่อว่าผู้เสียหายมาบ้านจำเลยเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2512 ดังนั้น ข้อเท็จจริงที่ได้ความทางการพิจารณาจึงมิได้แตกต่างกับฟ้องดังจำเลยต่อสู้ และศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยกระทำผิดจริงตามที่โจทก์ฎีกา แต่ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยมีความผิดหลายกระทง ให้ลงโทษกระทงหนักที่สุดนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียว แต่เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท

พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283, 284 ให้ลงโทษตามบทที่หนักที่สุดแต่ความผิดสองมาตรานี้มีโทษเท่ากัน จึงให้ลงโทษตามมาตรา 283ให้จำคุกจำเลย 5 ปี ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น คำขออื่นให้ยก

Share