คำสั่งคำร้องที่ 2237/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยทั้งสองฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ฎีกาของจำเลยทั้งสองเป็นการโต้แย้งดุลพินิจของศาลในการฟังพยานหลักฐาน เป็นฎีกาในข้อเท็จจริงและคดีนี้ทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท ฎีกาของจำเลยทั้งสองจึงเป็นการ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248ไม่รับฎีกาจำเลยทั้งสอง
จำเลยทั้งสองเห็นว่า ฎีกาของจำเลยทั้งสองในประเด็นว่า เหตุที่หนังสือมอบอำนาจของจำเลยทั้งสองไม่ได้มีข้อความที่จะรับฟังได้ว่าเป็นการโอนที่ดินเพื่อชำระค่านายหน้าให้แก่โจทก์นั้น เพราะตามประมวลกฎหมายที่ดินและพระราชบัญญัติจดทะเบียนที่ดินได้กำหนดถึงประเภทนิติกรรมที่จะจดทะเบียนสิทธิไว้โดยเฉพาะ ซึ่งการโอนที่ดินเป็นค่านายหน้าไม่มีแบบกำหนดไว้หากมีการกรอกข้อความดังกล่าวในใบมอบอำนาจ สำนักงานที่ดินก็จะไม่ยอมรับจดทะเบียนให้นั้น เป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยทั้งสองไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่
คดีสองสำนวนนี้โจทก์และจำเลยทั้งสองเป็นคู่ความรายเดียวกัน ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษารวมกัน
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยทั้งสองชำระเงินจำนวน103,500 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสองฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 129)
จำเลยทั้งสองจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 134)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ที่จำเลยทั้งสองฎีกาอ้างข้อกฎหมายว่า การโอนที่ดินเป็นค่านายหน้าไม่มีแบบกำหนดให้ต้องระบุข้อความ ว่าเป็นค่านายหน้า และหากกรอกข้อความดังกล่าวในหนังสือมอบอำนาจ เจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินจะไม่ยอมจดทะเบียนนิติกรรมให้นั้น เป็นการยกเหตุอ้างข้อขัดข้องที่จำเลยทั้งสองไม่ได้กรอกข้อความ ในหนังสือมอบอำนาจ เป็นข้ออ้างเพื่อเป็นเหตุผลสนับสนุนข้อเถียง ของจำเลยทั้งสองในข้อเท็จจริงว่าเป็นการโอนที่ดินเพื่อชำระ ค่านายหน้า จึงเป็นฎีกาโต้แย้งคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ ในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่ง ดังที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่ง ถูกต้องแล้ว อุทธรณ์คำสั่งของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น ยกคำร้อง อุทธรณ์คำสั่งของจำเลยทั้งสอง ค่าคำร้องเป็นพับ

Share