คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1650/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จสิ้นแล้ว แต่ก่อนศาลจะพิพากษาโจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ฟ้อง เวลากระทำผิดจากเวลากลางวันเป็นเวลากลางคืน แม้ศาลจะสั่งในคำพิพากษาก็ไม่ทำให้ได้เปรียบเสียเปรียบกันอย่างไร

ย่อยาว

โจทก์หาว่า จำเลยสมคบกันฆ่านายเฟื่องตายโดยเจตนา ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1ให้การว่า จำเลยคนเดียวทำร้ายผู้ตายจริงโดยมิได้เจตนาฆ่าจำเลยที่ 2 ปฏิเสธต่อสู้ฐานที่อยู่ เมื่อสืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จสิ้นแล้วก่อนศาลจะพิพากษา โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ฟ้องว่าที่ฟ้องหาว่าจำเลยกระทำผิดในเวลากลางวันนั้นคลาดเคลื่อนไปที่ถูกเป็นเวลากลางคืนจึงขอแก้เป็นว่าเวลากลางคืน ศาลชั้นต้นไม่ได้สั่งในคำร้องขอแก้ฟ้องศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธอ้างฐานที่อยู่ฟ้องของโจทก์ทำให้จำเลยหลงข้อต่อสู้ ศาลอนุญาตไม่ได้ จำเลยที่ 1 ให้การว่า ได้ทำผู้ตายจริงแต่กระทำโดยป้องกัน จำเลยไม่หลงข้อต่อสู้พิพากษาให้จำคุกจำเลยที่ 1 ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249 จำคุก 20 ปี ยกฟ้องจำเลยที่ 2 ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องแก้ฟ้องของโจทก์ แล้วดำเนินการพิจารณาแล้วพิพากษาใหม่ แต่มีผู้พิพากษานายหนึ่งมีความเห็นแย้งว่าศาลอุทธรณ์ควรพิพากษาคดีไปได้เลยทีเดียว

จำเลยที่ 1 ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า การยื่นคำร้องขอแก้หรือเพิ่มเติมฟ้องเช่นนี้ตามกระบวนพิจารณาหาได้บัญญัติว่า ให้ศาลสั่งเมื่อใดไม่ ศาลอาจจะสั่งตามกระบวนพิจารณาในระยะแรก หรือต่อมาภายหลัง หรือจะมาสั่งในคำพิพากษาทีเดียวก็อาจทำได้ ไม่มีอะไรห้าม สำหรับคดีนี้แม้จะสั่งในคำพิพากษาศาลชั้นต้นนั้น ก็ถือได้ว่า ได้วินิจฉัยสั่งตามคำร้องขอแก้ฟ้องของโจทก์ แล้วกับไม่จำต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นสั่งคำร้องและพิพากษาใหม่ดังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่

Share