แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในคดีหาว่าข่มขืนกระทำชำเราโจทก์ไม่สามารถจะได้ตัวผู้เสียหายและมารดาผู้เสียหายมาเบิกความ คงมีแต่คำให้การชั้นสอบสวนที่ให้การว่า จำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย และมีพนักงานสอบสวนมาเบิกความประกอบกับมีคำเบิกความของผู้ใหญ่บ้านผู้รับแจ้งความจากมารดาผู้เสียหายว่า จำเลย กับพวกได้ฉุดคร่าผู้เสียหายไป ดังนี้ ศาลจะรับฟังพยานหลักฐานดังกล่าวมาลงโทษจำเลยไม่ได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 95 (2) เพราะคำให้การชั้นสอบสวนจะรับฟังเป็นประกอบได้ ก็แต่เพียงว่าผู้เสียหายและมารดาให้การไว้ในชั้นสอบสวนเช่นนั้นจริง แต่ความจริงจะเป็นอย่างไรแน่ในชั้นศาล โจทก์จะต้องมีพยานมาเบิกความว่า จำเลยได้กระทำผิดจริง เมื่อชั้นศาลโจทก์ไม่มีพยานมาแสดงว่า จำเลยได้ข่มขืนชำเราผู้เสียหาย เช่นนี้ เพียงคำชั้นสอบสวนก็ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดดังฟ้อง
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานข่มขืนกระทำชำเราตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๖
จำเลยให้การว่า นางสาวลำพอง ผู้เสียหาย สมัครใจร่วมประเวณีกับจำเลยไม่ได้บังคับขู่เข็ญ
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย ๔ ปี ตามมาตรา ๒๗๖
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้โจทก์ไม่สามารถจะได้ตัวผู้เสียหายและมารดาผู้เสียหายมาเบิกความเป็นพยาน คงมีคำให้การชั้นสอบสวนของคนทั้งสองและมีพนักงานสอบสวนเบิกความประกอบว่าผู้เสียหายและมารดาผู้เสียหายให้การไว้เช่นนั้น กับมีผู้ใหญ่บ้านเบิกความประกอบว่า มารดาผู้เสียหายได้ไปแจ้งความในคืนเกิดเหตุว่าจำเลยได้ฉุดคร่าผู้เสียหายไป ศาลจะรับฟังหลักฐานพยานโจทก์ดังกล่าวมาลงโทษจำเลยไม่ได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๙๕ (๒) เพราะแม้คำให้การชั้นสอบสวนของผู้เสียหาย กับมารดาผู้เสียหายจะรับฟังเป็นพยานเอกสารประกอบได้ก็ฟังแต่เพียงว่า บุคคลทั้งสองได้ให้การไว้ในชั้นสอบสวนเช่นนั้นจริง แต่ความจริงจะเป็นอย่างไรแน่ในชั้นศาล โจทก์จะต้องมีพยานมาเบิกความว่า จำเลยได้กระทำผิดจริง เมื่อชั้นศาลโจทก์ไม่มีพยานมาแสดงว่า จำเลยได้ข่มขืนชำเราผู้เสียหาย เช่นนี้ เพียงคำชั้นสอบสวนก็ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดดังฟ้อง
พิพากษายืน