แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ลูกบ้านได้ขอให้กำนันเอาผู้เสียหายไปสอบถามให้แน่นอนในเรื่องที่ลูกบ้านสงสัยว่าผู้เสียหายซ่อนกระบือของตนที่หายไป กำนันจึงเอาตัวผู้เสียหายไปบ้านกำนัน เรียกร้องให้ผู้เสียหายใช้ราคากระบือแก่ลูกบ้านแล้วลูกบ้านจะไม่เอาเรื่อง ผู้เสียหายก็ยอมเสียค่ากระบือให้ลูกบ้าน ๆ ก็ไม่เอาเรื่องต่อไปและกำนันได้จัดการทำหนังสือปรองดองกันไว้ แล้วไม่เอาตัวผู้เสียหายส่งไปยังพนักงานสอบสวน ดังไม่ใช่มีเจตนาจะกระทำการทุจจริตต่อหน้าที่ จึงไม่มีผิดฐานใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ทางทุจริติตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 136,137,138,+42 และการที่กำนันกักตัวผู้เสียหายไว้จนชำระเงินกันแล้ว +ปล่อยนั้นเมื่อกำนันคิดว่ากำนันก็อำนาจทำได้ ไม่มีเจตนาที่จะกักขังให้ผู้เสียหายเสื่อมเสียอิสสระภาพแล้ว กำนันก็ยังไม่ผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 268,270
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นกำนันได้บังอาจใช้ตำแหน่งที่โดยทางอันมิชอบ บังคับให้นายสีทนหาเงิน ๖๕๐ บาทให้แก่จำเลย มิฉะนั้นจำเลยทั้ง ๒ ก็จะส่งตัวนายสีทนไปอำเภอ นายสีทนมีความกลัว จึงยอมเสียเงินให้จำเลยที่ ๒ แล้วจำเลยที่ ๑ จึงปล่อยตัวนายสีทนไป และหาว่าจำเลยทั้งสองหน่วงเหนี่ยวกักขังนายสีทนให้ปราศจากความเป็นอิสสระ ขอให้ลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๑๓๖,๑๓๗,๑๓๘,๑๔๒,๒๖๘,๒๗๐,๖๓,๖๕
จำเลยทั้ง ๒ ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๑๓๖ ตามที่แก้ไขแล้ว และมาตรา ๒๗๐ ,๖๓,๖๕ แต่ให้วางโทษตามมาตรา ๑๓๖ ซึ่งเป็นบทหนักคงจำคุกจำเลยที่ ๑ มีกำหนด ๒ ปี จำคุกจำเลยที่ ๒ ฐานสมรู้มีกำหนด ๑ ปี ๔ เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ในเรื่องนี้กระบือจำเลยที่ ๒ ได้หายไปจริง และปรากฎว่านายสีทนเคยจับกระบือนี้ไว้ จำเลยตามหากระบือไม่พบ จึงทำให้จำเลยที่ ๒ ติดใจสงสัยว่านายสีทนเอาไปซุกซ่อนไว้ จำเลยที่ ๒ จึงขอให้จำเลยที่ ๑ เอาตัวนายสีทนไปสอบถามให้แน่นอนอีกครั้งหนึ่ง หาใช่เป็นเรื่องฟ้องร้องหาว่านายสีทนลักกระบือไม่ การที่จำเลยเรียกร้องให้นายสีทนใช้ราคากระบือให้จำเลยที่ ๒ แล้วจำเลยที่ ๒ จะไม่เอาเรื่อง และเมื่อนายสีทนยอมเสียค่ากระบือให้แล้ว จำเลยที่ ๒ ก็ไม่เอาเรื่องต่อไป และจำเลยที่ ๑ ได้จัดการทำหนังสือปรองดองกันไว้ แล้วไม่เอาตัวนายสีทนส่งไปยังพนักงานสอบสวนนั้นน่าจะได้กระทำไปโดยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ คิดเสียว่า เป็นเรื่องประนีประนอมกันได้ ไม่ใช่มีเจตนาจะกระทำการทุจริตต่อหน้าที่ เพราะถ้ามีการทุจริตแล้วคงจะไม่ทำหนังสือแสดงข้อเท็จจริงโดยจะแจ้งไว้เป็นหลักฐานทั้งสองฝ่าย และการที่จำเลยที่ ๑ กักตัวนายสีทนไว้นั้นเล่า ก็คงจะคิดว่ากำนันมีอำนาจทำได้ หามีเจตนาที่จะกักขังให้นายสีทนเรื่องเสื่อมเสียอิสระภาพไม่ จึงยังหามีความผิดตามบทกฎหมายที่โจทก์อ้างมา
จึงพิพากษายืน