คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 421/2478

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ลูกจ้าง 2 คนเข้าทำสัญญารับเงินล่วงหน้าโดยมีข้อตกลงว่าจะรับใช้การงานแทนแลผู้จ้างจะยอมลดเงินให้เป็นรายเดือนไปจนกว่าจะครบกำหนดตามสัญญาแล้วผู้จ้างยินยอมให้ลูกจ้างคนหนึ่งออกไป โดยลูกจ้างอีกคนหนึ่งยอมจะรับใช้การงานแทน ดังนี้ ลูกจ้างคนนั้นหาจำต้องรับผิดในทางอาญาในเมื่อมีการกระทำผิดสัญญาเกิดขึ้นแทนลูกจ้างอีกคนหนึ่งนั้นไม่สัญญา แปลสัญญา

ย่อยาว

ได้ความจำเลยทั้ง ๒ คนเข้าชื่อกันทำกรมธรรม์สัญญารับเงินล่วงน่าของโจทก์ไป ๑๑๒ บาทเมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๗๔ ตามสัญญาข้อ ๓ มีความว่า “ผู้จ้างยอมลดเงินให้ลูกจ้างเดือนละ ๘ บาท และลูกจ้างยอมรับใช้การงานต่อไปจนกว่าจะครบกำหนดสัญญา” เมื่อทำสัญญากันเสร็จแล้ว ล.จำเลยขอลาโจทก์ไปอยู่กับสามี ไม่รับใช้การงานโจทก์ ๆ ยินยอมแลได้ตกลงกันใหม่ด้วยวาจาว่าจะให้ ข.จำเลยผู้เดียงรับใช้การงานแทน ล.จำเลยโดยยินยอมให้คิดลดเดือนละ ๔ บาท ต่อมาวันที่ ๖ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๗๗ ข.จำเลยได้ลาโจทก์ไป แล้วผิดสัญญาไม่ยอมกลับมาอยู่รับใช้การงาน ปรากฏว่าในระวางเวลาที่ ข.จำเลยอยู่รับใช้การงานโจทก์นั้น ได้ลาหยุดการงานเสียบ้าง ซึ่งเมื่อได้คิดบัญชีตกลงกันแล้ว จำเลยได้รับใช้การงานโจทก์เพียง ๑๕ เดือนโจทก์ได้คิดหักเงินให้จำเลย ๖๒ บาท เงินล่วงน่ายังคงค้างอยู่อีก ๕๐ บาท โจทก์จึงฟ้องจำเลยฐานกระทำผิดสัญญาลูกจ้างตาม พ.ร.บ.กำหนดอาญาการกระทำผิดสัญญา ร.ศ.๑๑๗ ม.๒-๔
ศาลล่างทั้ง ๒ พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลฎีกาเห็นว่าตามสัญญาไม่มีกำหนดโดยแน่นอนว่าลูกจ้างจะต้องอยู่รับใช้การงานให้ผู้จ้างเป็นเวลาเท่าใด แลตามข้อ ๓ ต้องตีความว่ากำหนดเวลาที่จะครบตามสัญญาเมื่อใดนั้น ต้องคำนวณเอาจากที่ผู้จ้างคิดลดให้แก่ลูกจ้างสำหรับเวลาที่ลูกจ้างรับใช้การงานให้แก่ผู้จ้าง หาใช่ว่ากำหนดเวลาตามสัญญานี้จะต้องคำนวณตลอดไปนับแต่วันที่ทำสัญญากันไม่ การที่ศาลอุทธรณ์ถือว่าเงินลดนี้โจทก์จะต้องคิดให้จำเลยเสมอไปถึงแม้เวลที่จำเลยลาไปมิได้รับใช้การงานให้โจทก์ หาเป็นการถูกต้องตามความในสัญญาไม่
ข้อที่ว่า ข.จำเลยตกลงด้วยวาจาจะรับใช้การงานแทน ล.จำเลยแล้วบิดพลิ้วเสียจะถือว่า ข.กระทำผิดสัญญาลูกจ้างได้หรือไม่นั้น เห็นว่าในเรื่องสัญญาลูกจ้างตามพระราชกำหนดอาญาการกระทำผิดสัญญานั้นเป็นการฉะเพาะตัว เมื่อลูกจ้างคนใดทำผิดสัญญาก็ลงโทษได้แต่ลูกจ้างคนนั้น จะเปลี่ยนตัวคนอื่นไม่ได้ มิฉะนั้นผลของกฎหมายจะกลายเป็นว่าให้ลงโทษทางอาญาแทนกันได้ คดีนี้แม้จำเลยเข้าชื่อกัน ๒ คน แลจำนวนเงินไม่ได้แบ่งกันเมื่อพิจารณาถึงจำนวนเงินลดตามความในสัญญาประกอบกับข้อตกลงด้วยวาจาภายหลังทำสัญญาแล้วนั้นเห็นได้ว่าความรับผิดชอบในเรื่องเงินล่วงน่านี้แบ่งออกเป็นส่วนสัดได้เห็นว่าเมื่อ ข.จำเลยได้รับใช้การงานโจทก์เป็นเวลาคำนวณเงินลดได้ท่วมจำนวนเงินซึ่งเป็นส่วนของ ข.จำเลยแล้ว ข.จำเลยก็เป็นอันหลุดพ้นจากความรับผิดในสัญญาทันที จึงพิพากษายืนตามศาลล่าง

Share