แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยสองสามีภริยาต้องคำพิพากษาให้ร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์. แม้โจทก์จะร้องขอรับชำระหนี้ในคดีที่สามีถูกฟ้องล้มละลายแล้ว. หากโจทก์ยังได้รับชำระไม่ครบ. โจทก์ย่อมขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาเอาแก่ทรัพย์สินของภริยาได้ต่อไปจนครบถ้วน.
ในกรณีสามีภริยาต้องรับผิดใช้หนี้ร่วมกัน. กฎหมายบัญญัติให้ใช้จากสินบริคณห์และสินส่วนตัวของทั้งสองฝ่าย.
สามีหรือภริยาต้องคำพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย.สินบริคณห์ย่อมแยกจากกันโดยอำนาจกฎหมายนับแต่วันที่ศาลพิพากษาให้ล้มละลายนั้น. เป็นหน้าที่ของอีกฝ่ายที่จะต้องขอกันส่วนของตนไว้.
ย่อยาว
คดีนี้ศาลพิพากษาถึงที่สุดให้จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นสามีภริยากันชำระค่าเสียหาย 46,020.25 บาท พร้อมด้วยค่าฤชาธรรมเนียมแก่โจทก์ จำเลยไม่ชำระ โจทก์จึงนำยึดที่ดิน 3 แปลง ซึ่งมีชื่อจำเลยที่ 2 ในโฉนด เพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ ศาลขายทอดตลาดที่ดินแปลงแรกได้เงิน 54,500 บาท มีเจ้าหนี้จำเลยที่ 1 ตามคำพิพากษาร้องขอเฉลี่ยหลายราย ต่อมาจำเลยที่ 1ถูกศาลพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย ได้มีการโอนเงินและการยึดทรัพย์สินในคดีนี้ไปดำเนินการในคดีล้มละลาย เฉพาะที่ดิน 2 แปลงที่ยังไม่ได้ขาย จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องว่าเป็นสินส่วนตัวศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งว่าที่ดิน 2 แปลงดังกล่าวเป็นสินส่วนตัวของจำเลยที่ 2 โจทก์แถลงว่า ได้รับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของจำเลยที่ 1ผู้ล้มละลายเพียง 2,196.86 บาท ยังไม่ได้รับชำระอีก 48,656.39 บาทขอให้ขายทอดตลาดที่ดิน 2 แปลงของจำเลยที่ 2 ต่อไป เพราะเป็นหนี้ร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต จำเลยที่ 2 ค้านว่า โจทก์ไม่มีสิทธิ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คดีนี้จำเลยทั้งสองเป็นหนี้โจทก์ตามคำพิพากษา โจทก์ยังไม่ได้รับชำระครบ โจทก์ชอบที่จะดำเนินการบังคับคดีต่อไปได้ จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยที่ 2 ฎีกาต่อมา ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้จำเลยทั้งสองเป็นสามีภริยากันต้องคำพิพากษาให้ร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์พร้อมทั้งค่าฤชาธรรมเนียม โจทก์ได้ร้องขอรับชำระหนี้ในคดีที่จำเลยที่ 1ถูกฟ้องล้มละลายแล้ว แต่ได้รับชำระไม่ครบ โจทก์จึงชอบที่จะร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาในคดีได้จนกว่าโจทก์จะได้รับชำระครบถ้วน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 การชำระค่าเสียหายตามคำพิพากษาจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นสามีภริยาต้องรับผิดชำระร่วมกัน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1480 บัญญัติให้ใช้จากบริคณห์และสินส่วนตัวของทั้งสองฝ่าย ดังนั้นโจทก์จึงมีสิทธิขอให้ขายที่ดิน 2 แปลง อันเป็นสินส่วนตัวของจำเลยที่ 2 ได้ ข้อที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า ขายทอดตลาดที่ดินแปลงแรกได้ราคาเกินกว่าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีนี้แล้ว โจทก์ไม่ขอรับไปเอง จนต้องโอนไปดำเนินการในคดีที่จำเลยที่ 1 ถูกฟ้องล้มละลาย โจทก์ได้รับส่วนเฉลี่ยแล้ว ยังมายึดทรัพย์จำเลยที่ 2 อีกไม่เป็นการยุติธรรมนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยที่ 1 สามีจำเลยที่ 2 ถูกศาลพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1484บัญญัติว่า ถ้าสามีหรือภริยาต้องคำพิพากษาให้ล้มละลาย สินบริคณห์ย่อมแยกจากกันโดยอำนาจกฎหมายนับแต่วันที่ศาลพิพากษาให้ล้มละลายนั้นจำเลยที่ 2 อ้างว่าที่ดินแปลงแรกที่ขายทอดตลาดเป็นสินบริคณห์เมื่อจำเลยที่ 1 ล้มละลาย ก็ต้องแบ่งราคาออกเป็นส่วนของจำเลยที่ 2แต่จำเลยที่ 2 ไม่โต้แย้งหรือขอกันส่วนของจำเลยที่ 2 ไว้ จำเลยที่ 2จะอ้างว่า ขายที่ดินแปลงแรกซึ่งจำเลยที่ 2 มีส่วนอยู่ ได้เงินพอชำระหนี้โจทก์แล้ว จำเลยที่ 2 ไม่ต้องชำระให้อีกนั้น ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน.