คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1646/2532

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การข่มขืนกระทำชำเรานั้น เมื่ออวัยวะเพศของจำเลยได้ล่วงล้ำเข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหายแล้ว แม้จำเลยไม่สำเร็จความใคร่ ก็เป็นควาผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา.(ที่มา-ส่งเสริม)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้บุกรุกเคหสถานของนางมณีจันทร์ คำโฮงอายุ 22 ปี ผู้เสียหายแล้วจำเลยได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276, 362, 365, 90พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2525มาตรา 3
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276, 365 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2525 มาตรา 3 การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276 ซึ่งเป็นบทหนักจำคุก 4 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษกลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘ปัญหาว่าจำเลยได้กระทำชำเราผู้เสียหายเป็นความผิดสำเร็จแล้วหรือไม่นั้น ผู้เสียหายเบิกความว่าเข้าใจว่าเป็นสามีจึงยอมให้กระทำชำเราแต่รู้สึกผิดสังเกตเพราะทำไม่รีบชำเรา จึงเอามือลูบหน้าและร่างกายก็รู้ว่าไม่ใช่สามีผู้เสียหายตอบคำถามค้านของทนายจำเลยว่าความจริงจำเลยชักอวัยะเพศเข้าออกได้เพียงครั้งเดียว พยานเห็นผิดสังเกตเพราะรีบทำจึงเอามือคลำดู ผู้เสียหายแจ้งความนายอินทร์กำนันตามบันทึกเอกสารหมาย จ.1 ว่า กระทำชำเรายังไม่สำเร็จและบอกนายคำดีสามีว่าจำเลยกระทำชำเราไม่สำเร็จ ศาลฎีกาเหพ็นว่าที่ชำเราไม่สำเร็จนั้นเป็นความเข้าใจของชาวบ้านซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาว่าไม่ใช่สำเร็จความใคร่เพราะไม่มีการหลั่งน้ำอสุจินั้นเอง ตามคำเบิกความของผู้เสียหายดังกล่าวประกอบพฤติการณ์การกระทภของจำเลยแล้ว เชื่อว่าของลับของจำเลยได้ล่วงล้ำเข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหายแล้วจึงเป็นความผิดตามฟ้อง…………………..’
พิพากษากลับให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share