แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยขอเลื่อนคดีถึงสามครั้งติดต่อกัน โดยสองครั้งแรกอ้างเหตุติดธุระส่วนตัว ซึ่งศาลก็ได้กำชับว่าจะไม่ให้เลื่อนคดีอีกทุกครั้งครั้งที่สามจำเลยเองแถลงรับรองเป็นเงื่อนไขในการขอเลื่อนคดีจากนัดที่สองไว้ต่อศาลว่าถึงนัดหน้าถ้า จำเลยไม่มีทนายหรือไม่มีพยานมาศาลจะไม่ขอเลื่อนคดีอีกและให้ถือว่าจำเลยไม่ติดใจสืบพยานแต่ในนัดที่สามนี้จำเลยกลับแต่ง ทนายความที่ป่วยอยู่ในโรงพยาบาลและขอเลื่อนอีก ทั้งไม่นำพยานมาศาลด้วย พฤติการณ์ของจำเลยถือได้ว่าประวิงคดีให้ชักช้า ศาลย่อมไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีและถือว่าจำเลยไม่ติดใจสืบพยาน.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินตามสัญญากู้พร้อมดอกเบี้ยที่ค้าง
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การว่า จำเลยไม่เคยกู้เงินโจทก์สัญญากู้เงินท้ายฟ้องเป็นเพียงหลักฐานการรับเงินค่าบ้านพร้อมที่ดินซึ่งโจทก์ทำสัญญาจะซื้อจากจำเลย สัญญากู้จึงเป็นโมฆะ
ศาลชั้นต้นกำหนดให้จำเลยนำสืบก่อน วันสืบพยานจำเลยขอเลื่อนคดีอ้างว่าป่วย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีและถือว่าจำเลยไม่ติดใจสืบพยานอีกต่อไป นัดสืบพยานโจทก์ เมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินต้น 150,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละสิบห้าต่อปีของเงินต้นดังกล่าวนับแต่วันที่ 28มีนาคม 2527 ไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความ 1,500 บาท
จำเลยอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์แทนโจทก์หกร้อยบาท
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปรากฏว่าศาลชั้นต้นนัดสืบพยานนัดแรกวันที่ 11 เมษายน 2528 เวลา 8.30 นาฬิกา โดยกำชับจำเลยว่านัดหน้าจะไม่ให้เลื่อนคดีอีก ถึงวันนัดตัวจำเลยขอเลื่อนคดีอ้างว่าทนายจำเลยติดธุระ หากนัดหน้าทนายจำเลยติดธุระอีกจะแต่งทนายใหม่ และถ้าถึงวัดนัดจำเลยไม่มีทนายหรือไม่มีพยานมาศาลก็จะไม่ขอเลื่อนคดีอีกให้ถือว่าจำเลยไม่ติดใจสืบพยาน ซึ่งศาลอนุญาตให้เลื่อนไปวันที่24 มิถุนายน 2528 เวลา 8.30 นาฬิกา โดยกำชับจำเลยให้เตรียมพยานมาให้พร้อมในนัดหน้า หากทนายจำเลยติดธุระอีก ให้จำเลยรีบแต่งทนายความคนใหม่มาว่าความแทน หากถึงวันนัดจำเลยไม่มีพยานหรือไม่มีทนายมาว่าความแล้วจะไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี และให้ถือว่าจำเลยไม่ติดใจสืบพยานอีกต่อไป ครั้นถึงวันนัดดังกล่าวจำเลยและทนายจำเลยคนเดิมไม่มาศาล แต่จำเลยแต่งทนายในวันนั้นเองเข้ามาอีกคนหนึ่งทนายจำเลยคนใหม่มอบฉันทะให้เสมียนทนายนำคำร้องขอเลื่อนคดีมายื่นอ้างว่าทนายจำเลยคนใหม่ป่วย โจทก์คัดค้าน ศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนและถือว่าจำเลยไม่ติดใจสืบพยาน ดังนี้ เห็นได้ว่า จำเลยขอเลื่อนคดีถึงสามครั้งติดต่อกัน โดยสองครั้งแรกอ้างเหตุติดธุระส่วนตัวเท่านั้นจำเลยไม่ได้ให้ความสำคัญหรือสนใจต่อคดีความของตนเท่าที่ควรทั้ง ๆ ที่ศาลได้กำชับจะไม่ให้เลื่อนคดีอีกทุกครั้ง เฉพาะนัดที่สามนี้ จำเลยเองก็แถลงรับรองเป็นเงื่อนไขในการขอเลื่อนคดีจากนัดที่สองไว้ต่อศาลแล้วว่านัดหน้าจำเลยไม่มีทนายหรือไม่มีพยานมาศาลจะไม่ขอเลื่อนคดีอีกให้ถือว่าจำเลยไม่ติดใจสืบพยาน เมื่อศาลอนุญาตให้เลื่อนก็ได้กำชับเตือนจำเลยถึงความข้อนี้ และย้ำให้จำเลยแต่งทนายคนใหม่ว่าความแทนหากทนายจำเลยติดธุระอีก แต่จำเลยก็หาได้นำพาไม่ กลับแต่ทนายความที่ป่วยอยู่ในโรงพยาบาล ตั้งแต่วันที่19 มิถุนายน 2528 และจะต้องรับการรักษาต่อไปอีก 5 วัน ตามใบรับรองแพทย์ของทนายจำเลยคนใหม่ ให้มาว่าคดีและไม่นำพยานมาศาลพฤติการณ์ของจำเลยจึงส่อถึงความไม่เอาใจใส่หรือไม่ให้ความสำคัญกับคดีของจำเลยเท่าที่ควร ถือได้ว่าจำเลยประวิงคดีให้ชักช้าที่ศาลล่างทั้งสองไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีและถือว่าจำเลยไม่ติดใจสืบพยานนั้น ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา
พิพากษายืน”.