แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 98 จำคุก 3 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะโทษให้จำคุก 5 ปี เป็นการเพียงแต่แก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 1/2504)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองหมิ่นประมาทดูหมิ่นพระมหากษัติรย์และพระราชินีแห่งประเทศไทย ขอให้ลงโทษ
จำเลยทั้งสองปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลงโทษจำเลยที่ ๑ ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา ๙๘ จำคุก ๓ ปี ยกฟ้องจำเลยที่ ๒
โจทก์และจำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา ร.ศ. ๑๒๗ มาตรา ๙๘ จำคุกคนละ ๕ ปี
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาได้ประชุมใหญ่เห็นว่า ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา ร.ศ. ๑๒๗ มาตรา ๙๘ จำคุก ๓ ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะโทษให้จำคุก ๕ ปี เป็นการเพียงแต่แก้ไขเล็กน้อย กรณีจึงต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๘ ห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ฉะนั้น ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับจำเลย ที่ ๑ นั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยให้ไม่ได้ แต่สำหรับจำเลยที่ ๒ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับศาลชั้นต้น จึงฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาเห็นว่า รูปคดียังฟังไม่ได้ว่า จำเลยที่ ๒ ได้รู้เห็นเป็นใจร่วมกระทำผิดตามที่โจทก์กล่าวอ้าง จึงลงโทษจำเลยที่ ๒ ไม่ได้
พิพากษาแก้ศาลอุทธรณ์เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยที่ ๒ คงยืนตามศาลอุทธรณ์เฉพาะจำเลยที่ ๑