คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 583/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พยานซึ่งรู้เห็นขณะทำสัญญากู้และเห็นผู้กู้รับเงินไปจากโจทก์จริงตามสัญญากู้ครั้นเมื่อโจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้และอ้างพยานดังกล่าวพยานกลับเบิกความบิดเบือนว่าไม่มีการส่งมอบเงินกันเป็นเหตุให้โจทก์แพ้คดีนั้นและได้รับความเสียหายการที่พยานเบิกความเช่นนั้นถือว่าเป็นการเบิกความเท็จในข้อสำคัญ เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 177

ย่อยาว

คดี 2 สำนวนนี้ พิจารณาพิพากษารวมกัน โจทก์ฟ้องใจความทำนองเดียวกันว่า จำเลยทั้งสองเบิกความเท็จต่อศาลว่าในวันที่โจทก์ทำสัญญาให้นายเปลื้องกู้เงิน ไม่มีการส่งมอบเงินกู้ให้กันเลยความจริงได้มีการส่งมอบเงินกู้กันในวันทำสัญญานั้นเอง เป็นเหตุให้โจทก์แพ้คดีที่ฟ้องเรียกเงินกู้จากนายเปลื้อง ขอให้ลงโทษตามกฎหมายอาญา มาตรา 177

จำเลยทั้งสองปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า พยานหลักฐานโจทก์ไม่พอฟังลงโทษจำเลยได้ พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วพิพากษากลับว่าจำเลยผิดฐานเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 ให้จำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 3 เดือน

จำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาเชื่อว่าจำเลยทั้งสองได้อยู่รู้เห็นขณะทำสัญญาและเห็นนายเปลื้องผู้กู้รับเงินไปจากโจทก์จริงตามสัญญากู้ เมื่อจำเลยทั้งสองกลับเบิกความบิดเบือนว่าไม่มีการส่งมอบเงินกันในคดีแพ่งที่โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากนายเปลื้องนั้น จึงเป็นการเบิกความเท็จในข้อสำคัญเป็นเหตุให้โจทก์แพ้คดีได้รับความเสียหายพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์

Share