คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1643/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในคดีที่ฟ้องว่าจำเลยปล้นทรัพย์และบรรยายว่าจำเลยได้ปล้นเอาทรัพย์ไปจากเจ้าทรัพย์ 4 คน ตามทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยปล้นเอาทรัพย์ไปจากเจ้าทรัพย์ได้เพียง 3 คนเท่านั้น ข้อเท็จจริงที่ต่างกันเช่นนี้หาใช่ข้อเท็จจริงที่ได้ความตามทางพิจารณาต่างกับฟ้องไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองกับพวกที่ยังจับไม่ได้อีก 5 คนได้บังอาจสมคบกันมีปืน มีดปลายแหลมและไม้เป็นศาสตราวุธปล้นทรัพย์ของนายแวน นางสาวเจริญ นางสาวฟุ้ง นางสาวประคองไปรวมราคา 2,374 บาท ขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 301, 63 และพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายลักษณะอาญา พ.ศ. 2477 (ฉบับที่ 4) มาตรา 7 และให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์

จำเลยทั้งสองปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยกับพวกได้กระทำผิดจริงตามฟ้องพิพากษาจำคุกจำเลยคนละ 10 ปีตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 301, 63และแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2477 (ฉบับที่ 4) มาตรา 7 และปราณีลดโทษให้นายโฉมจำเลยตามมาตรา 59 ให้ 1 ใน 4 จำคุกนายโฉม 7 ปี 6 เดือน และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 2324 บาทแก่ผู้เสียหาย

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยทั้งสองฎีกาต่อมา

ศาลฎีกาพิจารณาข้อที่จำเลยฎีกาว่า ตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในชั้นพิจารณานั้นผู้ร้ายมิได้เอาสร้อยของนางแวนไป กล่าวคือนางแวนเอามือกุมสร้อยคอไว้ ผู้ร้ายคนหนึ่งเอามือมาคลำที่คอ นางแวนดึงสร้อยขาดเหวี่ยงข้างหลัง ผู้ร้ายเอาไปไม่ได้นี้เป็นข้อเท็จจริงที่ได้ความตามทางพิจารณาต่างกับฟ้องต้องยกฟ้องนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้ฟังได้ว่าจำเลยกับพวกได้สมคบกันปล้นทรัพย์ของเจ้าทรัพย์4 คน เมื่อปล้นเอาทรัพย์ของเจ้าทรัพย์คนอื่นไปได้ก็ไม่พอจะชี้ขาดว่าข้อเท็จจริงต่างกับฟ้อง จึงพิพากษายืน

Share