คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1641/2534

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ร่วมได้รับเช็คพิพาทจากจำเลยในฐานะเป็นผู้แทน ของห้างหุ้นส่วนจำกัด ไม่ใช่ฐานะส่วนตัว โจทก์ร่วมในฐานะส่วนตัวจึงไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจร้องทุกข์พนักงานอัยการโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง และโจทก์ร่วมไม่มีอำนาจเข้าร่วมเป็นโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ออกเช็คสั่งจ่ายเงิน 100,000 บาทแก่นายชัยประเสริฐ แสงทวีวรรณ ผู้เสียหาย เพื่อชำระหนี้เมื่อเช็คถึงกำหนดผู้เสียหายนำเช็คฉบับดังกล่าวไปเรียกเก็บเงินธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินโดยให้เหตุผลว่าเงินในบัญชีจำเลยไม่พอจ่าย ทั้งนี้จำเลยออกเช็คฉบับดังกล่าวโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คและออกเช็คให้ใช้เงินมีจำนวนเงินสูงกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ในขณะออกเช็คนั้นเหตุเกิดที่ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานีและแขวงสุรวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร เกี่ยวพันกันขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2497 มาตรา 3 จำเลยให้การปฏิเสธ ระหว่างพิจารณานายชัยประเสริฐ แสงทวีวรรณ ผู้เสียหาย ขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ศาลชั้นต้นอนุญาต ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497มาตรา 3 จำคุก 10 เดือน จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์ร่วมได้รับเช็คพิพาทจากจำเลยในฐานะเป็นผู้แทนของห้างหุ้นส่วนจำกัดแสงทวีวรรณค้าวัสดุก่อสร้าง ไม่ใช่ฐานะส่วนตัวโจทก์ร่วมในฐานะส่วนตัวจึงไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจร้องทุกข์โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง และโจทก์ร่วมไม่มีอำนาจเข้าร่วมเป็นโจทก์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง โจทก์และโจทก์ร่วมฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว คดีมีปัญหาวินิจฉัยในชั้นฎีกาว่าโจทก์ร่วมเป็นผู้เสียหายหรือไม่ โจทก์ร่วมเบิกความตอบโจทก์ว่า โจทก์ร่วมมีอาชีพค้าขายวัสดุก่อสร้างโดยตั้งเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัดแสงทวีวรรณค้าวัสดุก่อสร้าง จดทะเบียนเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัดมาตั้งแต่ปี 2529 เมื่อประมาณต้นเดือนกันยายน2530 นายบุญธรรม สังข์อ่ำ ได้แนะนำจำเลยให้มาซื้อวัสดุก่อสร้างที่ร้านของโจทก์ร่วม และจำเลยได้ซื้อวัสดุก่อสร้างที่ร้านของโจทก์ร่วมหลายครั้ง และเบิกความตอบทนายจำเลยถามค้านว่าจำเลยซื้อวัสดุก่อสร้างจากห้างหุ้นส่วนจำกัด แสงทวีวรรณค้าวัสดุก่อสร้าง ไม่ได้ซื้อจากโจทก์ร่วมในนามส่วนตัวสินค้าที่จำเลยซื้อเป็นของห้างฯ เห็นว่า ที่โจทก์ร่วมเบิกความว่าร้านของโจทก์ร่วมจึงหมายความถึงห้างหุ้นส่วนจำกัดแสงทวีวรรณค้าวัสดุก่อสร้าง หาได้หมายถึงตัวโจทก์ร่วมในฐานะส่วนตัวไม่ เมื่อเป็นเช่นนี้การที่โจทก์ร่วมรับเช็คพิพาทจากจำเลยจึงเป็นการรับในฐานะเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัดดังกล่าว ไม่ใช่รับในฐานะส่วนตัว และโจทก์ร่วมยังเบิกความตอบทนายจำเลยถามค้านอีกตอนหนึ่งว่า เอกสารหมาย จ.7เป็นบันทึกการมอบคดีในนามส่วนตัว ดังนั้นที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์ร่วมไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจร้องทุกข์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง และโจทก์ร่วมไม่มีอำนาจเข้าร่วมเป็นโจทก์จึงชอบแล้วฎีกาของโจทก์และโจทก์ร่วมฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share