แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 และ 285 แต่ตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์มีข้อเท็จจริงไม่เข้าลักษณะความผิดตาม มาตรา 285 ซึ่งอยู่ในอำนาจศาลทหารเลย แต่เข้าลักษณะการกระทำผิดตามมาตรา 276 ถึงแม้โจทก์จะอ้างมาตรา 285 มาด้วย ก็ไม่เป็นเหตุทำให้ฟ้องของโจทก์ต้องขึ้นศาลทหาร และศาลชั้นต้นก็ไต่สวนประทับฟ้องเฉพาะในข้อกล่าวหาตาม มาตรา 276 ศาลจึงมีอำนาจพิจารณาได้โดยไม่จำต้องสั่งให้โจทก์แก้ฟ้องมายื่นใหม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ 11 ก.พ. 2502 เวลากลางคืน จำเลยข่มขืนกระทำชำเราโจทก์ต่อหน้าธารกำนัลขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276, 285
ศาลชั้นต้นสั่งไต่สวนรับประทับฟ้องเฉพาะข้อกล่าวหาตามมาตรา 276 ส่วนความผิดตามมาตรา 285 อยู่ในอำนาจศาลทหารตามประกาศใช้กฎอัยการศึกของคณะปฏิวัติลงวันที่ 20 ต.ค. 2501 และประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 16 ไม่รับฟ้องการกระทำผิดตามมาตรา 285
จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 ให้จำคุก 3 ปี
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ขอให้เพิ่มโทษให้หนักขึ้นอีก
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับเฉพาะฎีกาในข้อกฎหมาย
ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ฟ้องคดีที่ขึ้นอยู่ในอำนาจศาลทหารรวมอยู่ด้วย ศาลชั้นต้นไม่ได้สั่งให้โจทก์แก้ฟ้องให้ถูกต้องเสียก่อนไต่สวนมูลฟ้อง เป็นการไม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 157, 161 นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 และ 285 แต่ตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์มีข้อเท็จจริงไม่เข้าลักษณะความผิดตามมาตรา 285 ซึ่งขึ้นอยู่ในอำนาจศาลทหารเลย แต่เข้าลักษณะการกระทำผิดตามมาตรา 276 ถึงแม้โจทก์จะอ้างมาตรา 285 มาด้วย ก็ไม่เป็นเหตุทำให้ฟ้องของโจทก์ต้องขึ้นศาลทหาร และศาลชั้นต้นก็ไต่สวนประทับฟ้องเฉพาะในข้อกล่าวหาตามมาตรา 276 ศาลจึงมีอำนาจพิจารณาได้โดยไม่จำต้องสั่งให้โจทก์แก้ฟ้องมายื่นใหม่
ศาลฎีกาพิพากษายืน