คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 164/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้การชำระบัญชีสิ้นสุดไปแล้ว กฎหมายยังให้เจ้าหนี้ฟ้องเรียกหนี้สินที่บริษัทหรือผู้ถือหุ้นเป็นหนี้อยู่ได้ กรณีเรื่องนี้ว่ากล่าวกันให้บริษัทผู้ร้องต้องรับผิดเป็นเงินวางศาลเมื่อบริษัทผู้ร้องรับไม้ของกลางไปและได้ว่ากล่าวกันก่อนเลิกบริษัท ฉะนั้น ตามนัยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1249 ประกอบมาตรา 1272 คู่กรณีจึงคงว่ากล่าวคดีกันต่อมาได้และทนายของบริษัทผู้ร้องคงมีอำนาจดำเนินดคีต่อมาตามที่ได้รับแต่งตั้งไว้ได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้บริษัทผู้ร้องนำเงินราคาไม้ของกลางที่ยังขาด 1,398,000 บาท มาวางศาลภายใน 15 วัน บริษัทผู้ร้องฎีกาต่อมาได้ไม่ต้องห้าม ไม่อยู่ภายในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
บริษัทผู้ร้องขอให้คิดราคาไม้ของกลาง 4 เท่าของอัตราค่าภาคหลวง ราคานี้กรมป่าไม้ขายให้เฉพาะองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ซึ่งเป็นองค์การรัฐบาลเท่านั้น การตีราคาในคดีนี้ต้องถือราคาในท้องตลาดเป็นเกณฑ์ คือ ลูกบาศก์เมตรละ 2,050 บาท

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ไม้สักของกลางเป็นไม้ที่ผู้ร้องซื้อไว้โดยสุจริต ต่อมานายอำเภอแม่ระมาศตั้งข้อหาว่ากรรมการบริษัทผู้ร้องร่วมกระทำผิดกับจำเลย ได้อายัดไม้รายนี้ บัดนี้อัยการสั่งไม่ฟ้องกรรมการบริษัท การอายัดหมดความจำเป็น ไม้ของกลางตกอยู่ในสภาพเสียหาย ถ้ารอจนกว่าศาลมีคำพิพากษาให้ริบหรือคืน ก็เสื่อมค่าลงเรื่อย ๆ จึงขอให้คือให้ผู้ร้อง
อัยการโจทก์คัดค้านว่าผู้ร้องไม่มีอำนาจขอคืน แต่ถ้าผู้ร้องจะขอให้ขายไม้ของกลางเอาเงินมาวางศาลจนกว่าคดีถึงที่สุด โจทก์ไม่ค้าน แต่ขอให้นัดพร้อมระหว่างโจทก์ จำเลย ผู้ร้อง พนักงานสอบสวน เพื่อว่าผู้ใดจะค้าน และเพื่อตกลงในเรื่องราคา
ศาลชั้นต้นนัดพร้อม อัยการโจทก์ขอให้ป่าไม้เขตตากเป็นผู้มาตีราคา ศาลชั้นต้นเห็นว่าศาลตีราคาได้ ไม่ต้องอาศัยบุคคลอื่น จึงมีคำสั่งว่า ถ้าผู้ร้องจะขนย้ายไม้ของกลาง ๗๔๙ ท่อน ๗๖๐ ลูกบาศก์เมตร ไปดำเนินการประการใดตามประสงค์ ก็ให้นำเงินสด ๑๖๐,๐๐๐ บาท หรือหลักทรัพย์ที่ศาลเห็นสมควรมาวางศาลภายใน ๗ วัน
อัยการโจทก์อุทธรณ์ขอให้ตีราคาไม้ของกลางใหม่ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าศาลชั้นต้นตีราคาโดยถือราคาไม้ที่เคยขายให้องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้เป็นเกณฑ์ประการเดียว ไม่เห็นพ้องด้วย ให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ดำเนินการตามกระบวนความ แล้วพิจารณาสั่งใหม่
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาพิพากษายืน
ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาใหม่ คู่ความแถลงว่าคงมีประเด็นเดียวว่าราคาไม้ของกลางที่จะให้ผู้ร้องวางแทนไม้เป็นจำนวนเท่าใด สืบพยานโจทก์และพยานผู้ร้องแล้วเห็นว่าราคาไม้ลูกบาศก์เมตรละ ๒,๐๕๐ บาท รวมราคา ๑,๕๕๘,๐๐๐ บาท ให้ผู้ร้องนำเงินราคาไม้ที่ยังขาด ๑,๓๙๘,๐๐๐ บาท มาวางศาลภายใน ๑๕ วัน
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
โจทก์แก้ฎีกาและต่อมายื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยว่า ผู้ร้องฎีกาไม่ได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๗, ๒๑๘ และบริษัทผู้ร้องได้ชำระบัญชีจดทะเบียนเลิกบริษัทแล้วก่อนยื่นฎีกา กรรมการบริษัทผู้ร้องไม่มีอำนาจดำเนินคดี ทนายผู้ร้องผู้ลงนามในฎีกาไม่มีอำนาจดำเนินคดี ขอให้ยกฎีกา
ศาลฎีกาสั่งศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องโจทก์ ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ผู้ร้องเลิกกิจการและตั้งผู้ชำระบัญชี นายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลางรับจดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชีเมื่อวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๐๗ จึงเห็นว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๒๔๙ บัญญัติว่า ห้างหุ้นส่วนก็ดี บริษัทก็ดี แม้จะได้เลิกกันแล้วก็ให้พึงถือว่ายังคงตั้งอยู่ตราบเท่าเวลาที่จำเป็นเพื่อชำระบัญชี มาตรา ๑๒๗๒ ว่าในคดีฟ้องเรียกหนี้สินซึ่งห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทหรือผู้เป็นหุ้นส่วน หรือผู้ถือหุ้น หรือผู้ชำระบัญชีเป็นลูกหนี้ในฐานะเช่นนั้น ท่านห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้นกำหนด ๒ ปี นับแต่วันถึงที่สุดแห่งการชำระบัญชี ศาลฎีกาเห็นว่า แม้การชำระบัญชีสิ้นสุดไปแล้ว กฎหมายยังให้เจ้าหนี้ฟ้องเรียกหนี้สินที่บริษัทหรือผู้ถือหุ้นเป็นหนี้อยู่ได้ กรณีเรื่องนี้ก็เป็นกรณีที่ว่ากล่าวกันให้ฝ่ายผู้ร้องต้องรับผิดเป็นเงิน และได้ว่ากล่าวกันก่อนเลิกบริษัทเสียด้วยซ้ำ ฉะนั้น ตามนัยแห่งบทบัญญัติมาตรา ๑๒๔๙ ประกอบมาตรา ๑๒๗๒ คู่กรณีจึงคงว่ากล่าวคดีกันต่อมาได้ ทนายผู้ร้องจึงยังคงมีอำนาจดำเนินคดีต่อมาตามที่ได้รับแต่งตั้งไว้ได้
และเห็นว่า คดีนี้ผู้ร้องอาศัยสิทธิตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖ ยื่นคำร้องเข้ามาในคดีอาญาที่อัยการเป็นโจทก์ฟ้องนายธนูกับพวก ขอให้ลงโทษและริบไม้ของกลาง อ้างว่าผู้ร้องซื้อไม้สักของกลางไว้โดยสุจริต มิได้รู้เห็นในการกระทำผิดร่วมกับจำเลย เป็นการร้องขอทรัพย์คืนโดยอ้างสิทธิในทางแพ่ง จึงไม่อยู่ภายในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๘ ผู้ร้องฎีกาได้ ไม่ต้องห้าม
และเห็นว่าที่ผู้ร้องขอให้คิดราคาไม้ของกลาง ๔ เท่าของอัตราค่าภาคหลวง ราคานี้กรมป่าไม้ขายให้เฉพาะองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ซึ่งเป็นองค์การรัฐบาลเท่านั้น การตีราคาในคดีนี้ต้องถือราคาในท้องตลาดเป็นเกณฑ์ ศาลชั้นต้นตีราคาลูกบาศก์เมตรละ ๒,๐๕๐ บาท โดยหักค่าขนส่งออกเสียก่อน ชอบด้วยคดีและเหตุผลแล้ว
พิพากษายืน.

Share