คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1638/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องซึ่งตั้งรูปว่า ผู้เยาว์โดยบิดาผู้แทนโดยชอบธรรมเป็นโจทก์นั้น เป็นเรื่องผู้เยาว์เป็นโจทก์ฟ้องคดีเองโดยอาศัยอำนาจของบุคคลซึ่งอ้างเป็นบิดาผู้แทนโดยชอบธรรมถึงหากจะฟังว่าบุคคลนั้นมิใช่บิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ และขณะฟ้องคดีโจทก์ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ก็เป็นเรื่องความสามารถในการฟ้องคดีของโจทก์ผู้เยาว์บกพร่อง ซึ่งศาลมีอำนาจสอบสวนและสั่งแก้ไขความบกพร่องนั้นให้บริบูรณ์ได้ก่อนศาลพิพากษาคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา56 ส่วนอำนาจของบุคคลซึ่งอ้างเป็นบิดาผู้แทนโดยชอบธรรมนั้น ถ้าไม่มีหรือไม่ใช่ผู้แทนโดยชอบธรรม ศาลจะยกฟ้องหรือจะสั่งอย่างอื่นใดเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมโดยไม่ต้องยกฟ้องก็ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา66
เมื่อคดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาปรากฏว่าโจทก์ผู้เยาว์บรรลุนิติภาวะแล้ว มีอำนาจเป็นคู่ความด้วยตนเองได้แล้ว ศาลฎีกาก็ไม่จำเป็นต้องสั่งให้โจทก์แก้ไขเรื่องความสามารถ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ ลูกจ้างคนขับรถของจำเลยที่ ๒ได้ขับรถยนต์ในทางการที่จ้างชนโจทก์ได้รับอันตรายสาหัส ขอให้บังคับจำเลยร่วมกันใช้ค่าเสียหาย ๒๕,๐๐๐ บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๑ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ ๒ ต่อสู้ว่า จำเลยที่ ๑ มิได้ประมาท และมิได้ทำตามทางการที่จ้าง โจทก์ไม่เสียหาย ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม และนายถนอมมิใช่บิดานายประยงค์โดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลชั้นต้นฟังว่า นายถนอมเป็นบิดาโจทก์ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยที่ ๑ ขับรถในทางการที่จ้างเฉี่ยวชนโจทก์โดยประมาท ฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหาย๕,๐๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๒ ฎีกา
ในปัญหาเรื่องอำนาจฟ้อง ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้นายถนอมมิได้เป็นโจทก์ฟ้องคดีเอง แต่นายประยงค์เป็นโจทก์ฟ้องเองโดยอาศัยอำนาจของนายถนอมซึ่งอ้างเป็นบิดาผู้แทนโดยชอบธรรมของโจทก์ ฉะนั้นแม้จะฟังว่านายถนอมมิใช่บิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ และขณะฟ้องคดีนายประยงค์โจทก์มีอายุ ๑๘ ปีก็ดีก็เป็นเรื่องความสามารถในการฟ้องคดีของนายประยงค์โจทก์บกพร่อง ซึ่งศาลมีอำนาจสอบสวนและสั่งให้แก้ไขความบกพร่องนั้นให้บริบูรณ์ได้ก่อนศาลพิพากษาคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๕๖ ส่วนอำนาจของนายถนอมถ้าไม่มีหรือไม่ใช่ผู้แทนโดยชอบธรรม ศาลจะยกฟ้องหรือจะสั่งอย่างอื่นใดเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมโดยยังไม่ต้องยกฟ้องก็ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๖๖
สำหรับคดีนี้ ศาลฎีกาไม่จำเป็นต้องสั่งให้นายประยงค์โจทก์แก้ไขเรื่องความสามารถ เพราะปรากฏว่า เมื่อคดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์และศาลฎีกา นายประยงค์โจทก์มีอายุเกิน ๒๐ ปีบรรลุนิติภาวะแล้วนายประยงค์โจทก์มีอำนาจเป็นคู่ความด้วยตนเองได้แล้ว
ปัญหาเรื่องฟ้องเคลือบคลุม ศาลฎีกาเห็นว่า ฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม ส่วนปัญหาตามฎีกาข้ออื่น ศาลฎีกาฟังว่า จำเลยที่ ๑ทำละเมิดต่อโจทก์ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๒ และค่าเสียหายที่ศาลล่างกำหนดเป็นจำนวนพอสมควรแล้ว
พิพากษายืน

Share