คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1637/2553

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยที่ 2 กับพวกเป็นผู้เจรจาซื้อขายเมทแอมเฟตามีนกับดาบตำรวจ ช. โดยสอบถามจำนวนและกำหนดราคากันก่อน จากนั้นจำเลยที่ 2 พาดาบตำรวจ ช. กับสายลับไปพบ ว. และจำเลยที่ 1 เพื่อชำระเงินและรับเมทแอมเฟตามีน แสดงให้เห็นได้ว่าจำเลยที่ 2 กับพวกร่วมกับจำเลยที่ 1 และ ว. แบ่งหน้าที่กันทำในการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนตามจำนวนที่ตกลงกันไว้ โดยจำเลยที่ 2 เป็นผู้เจรจาซื้อขาย และจำเลยที่ 1 กับ ว. เป็นผู้รับเงินและส่งมอบเมทแอมเฟตามีน อันมีลักษณะเป็นตัวการร่วมกันกระทำความผิด มิใช่เป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่การจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 83, 91
จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 เป็นคดีใหม่และจำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ 1
จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง (เดิม), 66 วรรคหนึ่ง (ที่แก้ไขใหม่) ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3, 83 จำคุก 5 ปี ชั้นจับกุมจำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 ปี 6 เดือน ข้อหาอื่นให้ยก
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาแก้เป็นว่า ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 3 ปี 4 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายของจำเลยที่ 2 ว่า จำเลยที่ 2 กระทำความผิดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 หรือไม่ ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง พันตำรวจโทพยุงศักดิ์ พันตำรวจโทสุรกิตติ์และดาบตำรวจชาคริตวางแผนล่อซื้อยาเสพติดให้โทษจากนายวงษา นางเกษร นางลำยองและจำเลยที่ 2 แล้วจำเลยที่ 2 พาดาบตำรวจชาคริตและสายลับไปที่บ้านของนายวงษา พบนายวงษาและจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 บอกนายวงษาและจำเลยที่ 1 ว่า ดาบตำรวจชาคริตเป็นผู้มาซื้อเมทแอมเฟตามีนจำนวน 100 เม็ด จำเลยที่ 1 ขอรับเงินจากดาบตำรวจชาคริตแล้วให้นายวงษาไปนำเมทแอมเฟตามีน 100 เม็ด มาส่งมอบให้แก่ดาบตำรวจชาคริต พันตำรวจโทสุรกิตติ์กับพวกจึงเข้าจับกุมจำเลยที่ 2 กับพวก ดังนี้ การที่จำเลยที่ 2 กับพวกเป็นผู้เจรจาซื้อขายเมทแอมเฟตามีนของกลางกับดาบตำรวจชาคริต โดยสอบถามจำนวนและกำหนดราคากันก่อน จากนั้นจำเลยที่ 2 พาดาบตำรวจชาคริตกับสายลับไปพบนายวงษาและจำเลยที่ 1 เพื่อชำระเงินและรับเมทแอมเฟตามีนของกลาง แสดงให้เห็นได้ว่าจำเลยที่ 2 กับพวกร่วมกับจำเลยที่ 1 และนายวงษาแบ่งหน้าที่กันทำในการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนของกลางตามจำนวนที่ตกลงกันไว้ โดยจำเลยที่ 2 เป็นผู้เจรจาซื้อขายและจำเลยที่ 1 กับนายวงษาเป็นผู้รับเงินและส่งมอบเมทแอมเฟตามีนของกลาง อันมีลักษณะเป็นตัวการร่วมกันกระทำความผิด มิใช่เป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่การจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนดังที่จำเลยที่ 2 ฎีกา ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยที่ 2 ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share