คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1637/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีอาญา แม้จะปรากฎว่าจับของกลางได้ก็ดี แต่โจทก์มิได้นำของกลางมาอ้างเป็นพะยานในศาล จะเรียกว่าเป็นพะยานวัตถุในศาลไม่ได้ และศาลย่อมไม่ถือว่า สิ่งที่มิได้อ้างมาเป็นพะยานนั้นเป็นพะยานหลักฐานในศาล แม้พะยานบุคคลจะได้เบิกความกล่าวข้อความพาดพิงถึงของกลางเหล่านั้น ก็หาเรียกวัตถุที่ถูกกล่าวอ้างอิงพาดพิงถึงนั้นว่าเป็นวัตถุพะยานไม่
ไม่มีบทบัญญัติในกฎหมายว่า ถ้ามีของกลาง โจทก์จะต้องนำของกลางส่งศาลให้เป็นวัตถุพะยาน ถ้าไม่นำส่งจะต้องถูกยกฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยสมคบกันเล่นการพะนันโปปั่นพะนันเอาทรัพย์สินกัน ขอให้ลงโทษ จำเลยปฏิเสธศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง ให้จำคุกนายเชาวน์ นายมา จำเลยคนละ ๖ เดือน ปรับคนละ ๕๐๐ บาท จำคุกนายรัด นายประสิทธิคนละ ๒ เดือน ปรับคนละ ๒๐๐ บาท ด.ช.วันชัยจำเลยเป็นเด็กมีอายุ ๑๔ ปี ให้ว่ากล่าวแล้วปล่อยตัวไป
ศาลอุทธรณ์แก้ฉะเพาะโทษจำคุกนายเชาวน์ นายมะ นายรัด นายประสิทธิ ให้รอการลงอาญา
นายเชาวน์ นายมะ จำเลยฎีกาว่า โจทก์มิได้นำของกลางที่ใช้เป็นพะยานวัตถุมาศาล เพื่อยืนยันการกระทำผิดของจำเลยตามที่บังคับไว้ใน ป.ม.วิ.อาญามาตรา ๒๔๑,๒๔๒ ศาลจะลงโทษจำเลยไม่ได้
ศาลฎีกาเห็นว่า แม้จะปรากฎว่าจับของกลางได้ก็ดี แต่โจทก์มิได้นำมาอ้างเป็นพะยานในศาล จะเรียกของกลางนั้นว่าเป็นพะยานวัตถุในศาลไม่ได้ และศาลย่อมไม่ถือว่าสิ่งที่มิได้อ้างมาเป็นพะยานหลักฐานในศาล แม้พะยานบุคคลเบิกความพากพิงถึงของกลางเหล่านั้นได้หาใช่เรียกวัตถุที่ถูกกล่าวอ้างอิงพาดพิงถึงนั้นว่าเป็นวัตถุพะยานไม่ สำหรับคดีนี้ศาลมิได้ถือว่ามีของกลางเป็นวัตถุพะยานเลย และไม่มีบทบัญญัติในกฎหมายว่า ถ้ามีของกลาง โจทก์จะต้องนำของกลางส่งศาลให้วัตถุพะยาน ถ้าไม่ส่งจะต้องยกฟ้องดังนั้นเลย
พิพากษายืน

Share