แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยยื่นคำร้องขอพิจารณาใหม่อ้างเหตุว่า ทนายจำเลยได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีเนื่องจากทนายจำเลยต้องเดินทางไปงานศพของปู่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช จำเลยไม่ได้ดัดแปลงต่อเติมอาคารที่เช่าและไม่ได้ให้ใครเช่าช่วง เพียงแต่ให้พี่สาวเป็นผู้ดูแลกิจการแทน จำเลยคืนหนังสือสัญญาเช่าแก่โจทก์เพราะถูกโจทก์หลอกลวงว่าจะต่อสัญญาเช่าให้ส่วนต่าช่าจำเลยชำระให้โจทก์ทุกเดือน นอกจากเดือนสุดท้ายโจทก์ไม่ยอมรับอ้างว่าให้ต่อสัญญาเสร็จเสียก่อน คำพิพากษาที่ให้จำเลยแพ้คดียังคลาดเคลื่อนต่อข้อเท็จจริง ซึ่งถ้าหากศาลได้เห็นพยานหลักฐานของจำเลยแล้วคงไม่มีคำพิพากษาเช่นนั้น ดังนี้ ถือได้ว่าคำร้องดังกล่าวของจำเลยได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านตัดสินของศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208 แล้ว.(ที่มา-ส่งเสริม)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องข้อบังคับให้จำเลยส่งมอบอาคารที่เช่า และให้จำเลยพร้อมบริวารออกจากอาคารนั้นภายใน 7 วัน นับแต่มีคำพิพากษา
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยไม่เคยบอกเลิกการเช่าและไม่เคยผิดสัญญาเช่าดังฟ้องโจทก์ โจทก์ไม่เคยทวงถามให้จำเลยชำระค่าเช่าหรือบอกเลิกสัญญาเช่า ตามหนังสือสัญญาเช่าและคำมั่นที่ให้กันไว้ โจทก์มีหน้าที่ต้องให้จำเลยเช่าอาคารที่พิพาทโดยทำหนังสือสัญญาเช่ากันทุกๆ ปี 3 จนครบกำหนด 15ปี ขอให้ยกฟ้องโจทก์และบังคับโจทก์ยอมให้จำเลยเช่าอาคารที่พิพาทจนครบ 15 ปี
ศาลชั้นต้นให้โจทก์นำสืบก่อน ในวันนัดสืบพยาน ฝ่ายจำเลยไม่มาศาล โดยทนายจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี ศาลชั้นต้นเห็นว่าเป็นการประวิงคดีไม่อนุญานให้เลื่อนคดี ถือว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา และพิพจารณาคดีโจทก์ไปฝ่ายเดียว แล้วพิพากษาให้จำเลยแพ้คดี
จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คำร้องของจำเลยมิได้คัดค้านคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208 ให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณื
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ศาลชั้นต้นรับคำร้องไว้ไต่สวนและมีคำสั่งใหม่
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า คำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยได้กล่าวคัดค้านคำตัดสินของศาลอย่างละเอียดชัดแจ้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208 วรรคสอง หรือไม่ เห็นว่าตามคำร้องขอพิจารณาใหม่ของจำเลยลงวันที่ 2 กรกฎาคม 2530 อ้างเหตุว่า ทนายจำเลยได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี เนื่องจากทนายจำเลยต้องเดินทางไปงานศพของปู่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราชจำเลยไม่ได้ดัดแป่ลต่อเติมอาคารที่เช่าและไม่ได้ให้ใครเช่าช่วง เพียงแต่ให้พี่สาวเป็นผู้ดูแลกิจการแทน จำเลยคืนหนังสือสัญญาเช่าแก่โจทก์เพราะถูกโจทก์หลอลวงว่าจะต่อสัญญาเช่าให้ ส่วนค่าเช่าจำเลยชำระให้โจทก์ทุกเดือน นอกจากเดือนสุดท้ายโจทก์ไม่ยอมรับอ้างว่าให้ต่อสัญญาเสร็จเสียก่อน คำพิพากษาที่ให้จำเลยแพ้คดีจึงคลาดเคลื่อนต่อข้อเท็จจริงซึ่งถ้าหากศาลได้เห็นพยานหลักฐานของจำเลยแล้ว คงไม่มีคำพิพากษาเช่นนั้นดังนี้ถือได้ว่าจำเลยได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำติดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208 วรรคสอง แล้วที่ศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นรับคำร้องขอพิจารณาใหม่ของจำเลยไว้ไต่สวนและมีคำสั่งใหม่นั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น’
พิพากษายืน.