แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อข้อเท็จจริงในห้องสำนวนปรากฏว่า ผู้เสียหายมอบเงินให้แก่ผู้แทนผู้เสียหายไปรับจำนองแทนผู้เสียหายเพราะเชื่อตามที่ผู้แทนบอกเช่นนี้และศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าผู้เสียหายหลงเชื่อจำเลยดังนี้เป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงไม่ตรงกับความจริง ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยเสียใหม่ให้ตรงความจริงได้
เมื่อผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้ร้องทุกข์ มิได้เสียหายเนื่องจากหลงเชื่อการกระทำของจำเลยแล้วก็ย่อมขาดองค์สำคัญแห่งความผิดฐานฉ้อโกง จะลงโทษจำเลยหาได้ไม่.
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ ๒ เช่าโฉนดที่ดินเลขที่ ๑๘๕ จากนายพัน นางสด เพื่อให้เป็นหลักทรัพย์ประกันและได้ยักยอกลายมือชื่อนายพัน นางสุดซึ่งเซ็นและพิมพ์ใบมอบอำนาจที่ยังไม่ได้กรอกข้อความ ไปกรอกข้อความให้ผู้อื่นทำสัญญาขายแทนและยักยอกโฉนดนั้นไปทำสัญญาขายกรรมสิทธิ์ให้จำเลยที่ ๑ จำเลยทั้งสามสมคบกันจะเอาโฉนดดังกล่าวไปหลอกลวงจำนองผู้อื่นโดยจำเลยที่ ๒ ไปติดต่อกับพันโทสลับ ๆ ไปหานายสมพงษ์ ๆ ไปหานายชิน ๆ ให้พระราชเสวกไปดูที่ จำเลยที่ ๑ นำชี้หลักเขตซึ่งทำขึ้นแล้วไปปักในที่ของพลตำรวจทองหล่อและนายสวงตามริมถนน พระราชเสวกหลงเชื่อไปแจ้งนายชิน ๆ ไปหานางอุ่น ๆ ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงตกลงรับจำนองในราคาสองแสนบาทมอบเงินและเช็คไปให้นายชินเป็นผู้รับจำนองแทนที่หอทะเบียน นายชินมอบเงินและเช็คให้จำเลยที่ ๑ สมเจตนาของจำเลยทั้งสาม
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลแขวงพระนครเหนือพิจารณาทำความเห็นส่งศาลอาญา ศาลอาญาพิพากษาว่าจำเลยทั้งสามผิดตาม ม.๓๐๘,๖๓ จำคุกคนละ ๑ ปีและให้ใช้เงินแก่ผู้เสียหาย
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสามฎีกาว่าความผิดฐานฉ้อโกงต้องประกอบด้วยองค์ความผิดว่าผู้เสียหายหลงเชื่อและส่งทรัพย์ให้จำเลย เรื่องนี้นางอุ่นผู้เสียหายเชื่อคำหลอกลวงของนายชินมิใช่เชื่อจำเลย และผู้เสียหายส่งทรัพย์ให้นายชินไม่ได้ส่งให้แก่จำเลย
ศาลฎีกาเห็นว่าการที่นางอุ่นมอบเงินให้แก่นายชินไปเพื่อรับจำนองแทนนางอุ่นนั้นเพราะเชื่อนายชิน ความยังปรากฏตามคำนางอุ่นอีกว่าความจริงนางอุ่นไม่รู้จักจำเลยและไม่ได้พบตัวจำเลย ตามที่ศาลทั้งสองวินิจฉัยว่านางอุ่นหลงเชื่อจำเลยจึงไม่ตรงกับความจริงที่ปรากฏในสำนวนศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยได้ แม้จะปรากฏว่าการกระทำของจำเลยทั้งสามในคดีนี้ส่อแสดงให้เห็นอุบายอันเกิดจากความไม่สุจริตของจำเลยดังที่ศาลทั้งสองวินิจฉัยมาก็ดี เมื่อปรากฏว่านางอุ่นซึ่งเป็นผู้ร้องทุกข์ในคดีนี้มิได้เสียหายเนื่องจากหลงเชื่อการกระทำของจำเลย ซึ่งขาดองค์สำคัญแห่งความผิดฐานฉ้อโกง อันศาลจะพิพากษาลงโทษจำเลยตามกฎหมายหาได้ไม่
จึงพิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์