แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยลงข่าวในหนังสือพิมพ์ของจำเลยเป็นข้อความหมิ่นประมาทใส่ความกำนันตำบลหาดท่าเสา อำเภอเมือง จังหวัดชัยนาท ว่าให้สินบนพนักงานสอบสวนที่ทำการสอบสวนกำนันฐานทุจริตต่อหน้าที่ และพนักงานสอบสวนนั้นได้หน่วงเหนี่ยวสำนวนไว้เพื่อให้พยานกลับคำ เมื่อปรากฎว่ากำนันตำบลหาดท่าเสามีนายใบ โสภาสุข คนเดียว และนายใบ โสภาสุข กำลังถูกนายประโยชน์ แสงสอาด สอบสวนเรื่องทุจริตต่อหน้าที่ (สอบสวนคนเดียว) เช่นนี้จำเลยก็ย่อมมีผิดฐานหมิ่นประมาทใส่ความนายใบและนายประโยชน์ทั้งสองคน.
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๔๙๙ เวลากลางวัน จำเลยซึ่งเป็นบรรณาธิการ ผู้พิมพ์ โฆษณาและเจ้าของหนังสือพิมพ์เสียงชัยนาทได้บังอาจใส่ความหมิ่นประมาทนายใบ โสภาสุข กำนันตำบลหาดท่าเสา และนายประโยชน์ แสงสอาด ปลัดอำเภอเมืองชัยนาท กล่าวถึงความเดือดร้อนของราษฎรตำบลหาดท่าเสา มีข้อความสำคัญว่า “กำนันจับปืนป่าจากนายสวน ฤทธินาคาได้ ๑ กระบอก ฯลฯ เรื่องนี้มีนายควน โพธิอินทร์ ได้ยื่นฟ้องต่อข้าหลวงแล้ว ข้าหลวงบันทึกให้นายอำเภอเมืองสอบสวนแล้ว จนบัดนี้ยังไม่เห็นเสนอเรื่องไปอย่างไร ว่าจะส่งเรื่องมาจังหวัดหลายครั้งแล้วก็ไม่เห็นส่ง ได้ข่าวว่ากำนันวิ่งเข้าหาปลัดผู้สอบสวนให้ ๘,๐๐๐ บาท ขอให้เรียกพยานมาให้การใหม่ จึงผัดเรื่อยมา ถ้าพยานจะมากลับคำยังไม่หมด “มีรายการละเอียดในหนังสือพิมพ์เสียงชัยนามปีที่ ๒ ฉบับที่ ๑๕ ลงวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๔๙๙ หน้า ๕-๑๕ และจำเลยได้ทำการจำหน่ายจ่ายแจกไปยังราษฎรเกือบทุกตำบลทำให้ราษฎรอ่านและทราบข้อความที่จำเลยใส่ความหมิ่นประมาทเกิน ๒ คน ทำให้นายใบ โสภาสุข กำนันตำบลหาดท่าเสา และนายประโยชน์ แสงสอาด ปลัดอำเภอเมืองเสียชื่อเสียง อาจทำให้คนทั้งหลายดูหมิ่นเกลียดชัง จึงขอให้ศาลลงโทษ
จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานโฆษณาหมิ่นประมาทใส่ความนายใบกำนันคนเดียว เพราะกำนันตำบลหาดท่าเสามีคนเดียว จึงพิพากษาว่าจำเลยผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา ๒๘๒ วรรค ๒ ให้จำคุกจำเลย ๑๕ วัน ปรับจำเลย ๒๐๐ บาท และให้ริบหนังสือพิมพ์
โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังว่า เดิมนายควนได้ร้องเรียนนายอำเภอว่ากำนันตำบลหาดท่าเสาทุจริตต่อหน้าที่ นายอำเภอมอบเรื่องให้นายประโยชน์สอบสวน นายประโยชน์ได้สอบสวนแล้วและได้ส่งสำนวนไปยังพนักงานอัยการจังหวัดแล้ว จำเลยจึงออกหนังสือพิมพ์ดังกล่าว เป็นเหตุให้คนทั้งหลายเกลียดชังนายใบและนายประโยชน์ ที่จำเลยเถียงว่า จำเลยมิได้ออกชื่อนายใบหรือนายประโยชน์ และจำเลยมิได้ยืนยันข่าวนั้น ศาลเห็นว่าจำเลยเจตนาเสนอข่าวสารให้การรับสินบนระหว่างกำนันกับปลัดอำเภอ ผู้ทำการสอบสวนกำนันผู้ทุจริตต่อหน้าที่ โดยกำนันให้สินบน ๘,๐๐๐ บาท ปลัดอำเภอจึงหน่วงเหนี่ยวการสอบสวนไว้ให้ล่าช้าเพื่อให้พยานกลับคำ
จำเลยเสนอเหตุการอันเกิดขึ้นในท้องที่ตำบลหาดท่าเสา คำว่า “กำนัน” บ่งชัดว่าหมายถึงกำนันตำบลหาดท่าเสา และต้องเป็นกำนันปัจจุบันเพราะกำนันที่ออกไปแล้วจะมาจับปืนเถื่อนอย่างไร จำเลยจึงผิดฐานหมิ่นประมาทใส่ความนายใบกำนัน
สำหรับนายประโยชน์นั้น แม้ในอำเภอนี้มีพนักงานสอบสวนหลายคนก็จริง แต่สำหรับคดีนี้นายประโยชน์สอบสวนคดีของนายใบคนเดียว จึงบ่งเฉพาะถึงนายประโยชน์ จำเลยย่อมมีผิดฐานหมิ่นประมาทใส่ความนายประโยชน์ด้วย
แต่เป็นความผิดในคราวเดียว และผิดต่อกฎหมายบทเดียวกันกับที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษมา ซึ่งศาลฎีกาก็เห็นว่าโทษที่กำหนดไว้สมควรแก่ความผิดแล้ว นอกจากข้อความที่แก้ไขนี้คงพิพากษาให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.