คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1620/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

เรื่องอายุความนั้นหาใช่สภาพแห่งข้อหาไม่ เมื่อฟ้องของโจทก์ได้ระบุมาโดยชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับแล้ว แม้โจทก์ไม่ได้กล่าวมาในฟ้องว่าคดีของโจทก์ไม่ขาดอายุความเพราะเหตุใดก็เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 172 วรรคสอง แล้ว.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 2 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 มีหน้าที่ขับรถยนต์บรรทุกสิบล้อ หมายเลขทะเบียน 80-4098 นครราชสีมาของจำเลยที่ 1 ซึ่งได้เอาประกันภัยไว้กับจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 2ได้ขับรถยนต์บรรทุกสิบล้อคันดังกล่าวในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1ด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังโดยขับรถด้วยความเร็วสูงไม่ทิ้งระยะให้ห่างจากรถคันหน้าตามสมควร เมื่อรถยนต์คันหน้าหยุดจอดจำเลยที่ 2 จึงไม่สามารถหยุดรถได้ทัน จำเลยที่ 2 ได้หักรถหลบออกไปทางขวาชนเกาะกลางถนน ทำให้ทรัพย์สินของโจทก์เสียหายรวมเป็นเงิน30,800 บาท โจทก์ได้แจ้งให้จำเลยทั้งสามชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์แต่จำเลยทั้งสามเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย จำนวน 30,800 บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสามให้การทำนองเดียวกันใจความว่า โจทก์มิได้เป็นเจ้าของผู้ครอบครองทรัพย์สินตามฟ้อง จำเลยที่ 2 มิได้เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 เหตุละเมิดเกิดจากบุคคลอื่นเป็นผู้กระทำขึ้นความเสียหายอย่างมากไม่เกิน 15,000 บาท คดีโจทก์ขาดอายุความขอให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ 30,800 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์ว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาตามฎีกาของจำเลยว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ จำเลยฎีกาว่า เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องถึงวันที่ทำการละเมิดและรู้ตัวว่าจำเลยเป็นผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมแล้วโจทก์จึงต้องฟ้องคดีเสียภายในหนึ่งปีนับแต่นั้น โจทก์นำคดีมาฟ้องเกินหนึ่งปี โจทก์ก็จะต้องบรรยายฟ้องให้เห็นว่าเหตุใดโจทก์จึงมีสิทธิฟ้องคดีเกินหนึ่งปีได้ เมื่อโจทก์มิได้บรรยายเหตุที่โจทก์มีสิทธิฟ้องคดีดังกล่าวได้ และเมื่อจำเลยยกอายุความขึ้นต่อสู้ศาลก็ต้องฟังว่าคดีโจทก์ขาดอายุความ พิเคราะห์แล้วประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรค 2 บัญญัติว่า”คำฟ้องต้องแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้น” เห็นว่าเรื่องอายุความนั้นหาใช่สภาพแห่งข้อหาไม่ โจทก์ไม่จำเป็นต้องกล่าวมาในฟ้องว่าคดีของโจทก์ไม่ขาดอายุความเพราะเหตุใด คดีนี้ฟ้องของโจทก์ได้ระบุมาโดยชัดแจ้ง ซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับแล้วจึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ ดังนั้น แม้โจทก์จะฟ้องคดีเมื่อเกิน 1 ปีนับแต่วันที่จำเลยทำละเมิดโดยมิได้บรรยายว่า เหตุใดโจทก์จึงมีสิทธิฟ้องคดีเกิน 1 ปี ได้ แต่โจทก์ได้นำสืบให้เห็นแล้วว่าโจทก์ฟ้องคดีเมื่อยังไม่พ้น 1 ปี นับแต่วันที่โจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความดังที่จำเลยต่อสู้ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาจำเลยทั้งสามฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share