แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 1 ต่ออายุสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างให้แก่โจทก์ระยะเวลาที่ต่ออายุสัญญาครบกำหนดก่อนวันที่โจทก์ส่งมอบงานงวดสุดท้าย การต่ออายุสัญญาดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อการนับอายุความเพราะสิทธิเรียกร้องสินจ้างในการก่อสร้างนั้นต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่มีการส่งมอบงาน หาใช่นับตั้งแต่วันที่ทำงานเสร็จไม่ เงินค่าปรับที่โจทก์ได้รับคืนไปจากจำเลยที่ 1 นั้น เกิดจากจำเลยที่ 1 หักค่าจ้างไว้เป็นค่าปรับเนื่องจากโจทก์ผิดสัญญาส่งมอบงานล่าช้า ต่อมาโจทก์ขอต่ออายุสัญญาอีกแต่ไม่ได้รับการต่อให้คงได้รับเงินส่วนลดค่าปรับตามมติคณะรัฐมนตรี การคืนค่าปรับให้ซึ่งจำเลยที่ 1 ไม่มี หน้าที่และไม่ใช่การชำระค่าจ้างตามสัญญาถือไม่ได้ว่าเป็นการรับสภาพหนี้ของจำเลยที่ 1 อันจะทำให้อายุความสะดุดหยุดลง โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าจ้างเป็นเวลาเกิน 2 ปีนับแต่วันที่มีการส่งและรับมอบงานกัน คดีจึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(1)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินตามสัญญาว่าจ้างก่อสร้างสนามบินส่วนที่จำเลยทั้งสองอ้างว่าโจทก์ก่อสร้างงานล่าช้าและหักเงินค่าจ้างไม่จ่ายให้โจทก์และเงินค่าจ้างขุดคูน้ำในบริเวณสนามบินที่จำเลยสั่งให้ทำนอกเหนือจากสัญญาว่าจ้างพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ 2 ไม่ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 มีสิทธิหักเงินค่าจ้างตามฟ้อง เนื่องจากโจทก์ก่อสร้างล่าช้า การขุดคูน้ำเป็นงานตามสัญญาซึ่งโจทก์มีหน้าที่ทำตามสัญญาไม่อาจมาเรียกร้องค่าจ้างต่างหากได้ ฟ้องโจทก์ขาดอายุความขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า โจทก์ได้ยอมรับแล้วว่างานได้เสร็จเรียบร้อยและได้มีการส่งมอบงานกันในวันที่ 10 มิถุนายน 2524ที่โจทก์อ้างว่าจำเลยได้ต่ออายุสัญญาครั้งแรก 127 วัน เมื่อวันที่6 มิถุนายน 2523 ลดค่าปรับและคืนค่าปรับบางส่วนให้โจทก์และต่ออายุสัญญาให้โจทก์อีก 16 วัน มีผลเท่ากับจำเลยยอมรับสภาพสิทธิเรียกร้องของโจทก์ที่มีต่อจำเลย อายุความตามสิทธิเรียกร้องของโจทก์ย่อมสะดุดหยุดลง และเริ่มนับอายุความใหม่ตั้งแต่วันที่ 9 ตุลาคม 2524 นั้น การต่ออายุสัญญานับตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2523 ถึงวันที่ 1 มีนาคม 2523 ก็ดี และการต่ออายุสัญญาอีก 127 วัน นับแต่วันที่ 6 มิถุนายน 2523เป็นต้นไปก็ดี ระยะเวลาที่ต่ออายุสัญญาดังกล่าวต่างครบกำหนดก่อนวันที่โจทก์ส่งมอบงานงวดสุดท้าย (วันที่ 10 มิถุนายน 2524) แล้วดังนั้น แม้ว่าการต่ออายุสัญญาดังกล่าวจะทำให้อายุของสัญญายืดออกไปแต่ก็หาได้มีผลกระทบต่อการนับอายุความแต่อย่างใดไม่ เพราะสิทธิเรียกร้องสินจ้างในการก่อสร้างนั้นต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่มีการส่งมอบงานกัน หาใช่นับตั้งแต่วันที่ทำงานเสร็จไม่ ส่วนเงินค่าปรับที่โจทก์ได้รับคืนไปจากจำเลยที่ 1 นั้น เกิดจากจำเลยที่ 1หักค่าจ้างไว้เป็นค่าปรับเนื่องมาจากสัญญาจ้างก่อสร้างกำหนดเบี้ยปรับไว้ เมื่อโจทก์ผิดสัญญาส่งมอบงานล่าช้าจึงถูกจำเลยที่ 1ปรับ ต่อมาภายหลังโจทก์ขอต่ออายุสัญญาอีก แต่ไม่ได้รับการต่อให้คงได้รับเงินส่วนลดค่าปรับตามมติคณะรัฐมนตรีเท่านั้น การคืนค่าปรับให้โจทก์ซึ่งจำเลยไม่มีหน้าที่และไม่ใช่การชำระค่าจ้างโจทก์ตามสัญญาจึงถือไม่ได้ว่าเป็นการรับสภาพหนี้ของจำเลยที่ 1 อันจะทำให้อายุความสะดุดหยุดลง โจทก์มาฟ้องเรียกเงินค่าจ้างตามสัญญาจ้างและเงินค่าจ้างขุดคูน้ำโดยอ้างว่าคณะกรรมการควบคุมงานของจำเลยที่ 1 ได้สั่งให้โจทก์ขุดเพิ่มขึ้นจากงานตามสัญญาจ้างในวันที่ 29 มิถุนายน 2526 เป็นเวลาเกิน 2 ปี นับแต่วันที่10 มิถุนายน 2524 ซึ่งเป็นวันที่มีการส่งและรับมอบงานกันคดีของโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 165(1)
พิพากษายืน