แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีนี้เป็นกรณีที่โจทก์ยึดทรัพย์จำนองของจำเลยออกขายทอดตลาดตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น แต่ได้เงินไม่พอชำระหนี้ และความปรากฏว่าจำเลยถึงแก่ความตายไปแล้ว โจทก์จึงขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพิพาทซึ่งเป็นทรัพย์มรดกของจำเลยเพิ่ม จึงเป็นกรณีที่โจทก์ขอให้ดำเนินการบังคับคดีเอาจากกองมรดกของจำเลยตามที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.พ. มาตรา 271 ซึ่งโจทก์มีสิทธิที่จะดำเนินการดังกล่าวภายในระยะเวลา 10 ปี มิใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องคดีมรดกซึ่งมีอายุความ 1 ปี นับแต่เมื่อโจทก์เจ้าหนี้ได้รู้หรือควรได้รู้ถึงความตายของเจ้ามรดกตาม ป.พ.พ. มาตรา 1754 วรรคสาม ดังที่ผู้ร้องอ้าง ผู้ร้องทั้งสามจึงไม่อาจยกเหตุนี้ขึ้นอ้างเพื่อขอให้ศาลเพิกถอนการบังคับคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 296 ได้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงิน 2,202,630.01 บาท หนี้เงินกู้ 9,543,138.20 บาท และหนี้เงินกู้เบิกเงินเกินบัญชี 1,454,307.60 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ มิฉะนั้นให้ยึดทรัพย์จำนองที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 954 ตำบลกลอนโด อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมสิ่งปลูกสร้าง น.ส. 3 ก. เลขที่ 1993, 1995 ตำบลกลอนโด กิ่งอำเภอด่านมะขามเตี้ย จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมสิ่งปลูกสร้างกับที่ดินโฉนดเลขที่ 22131 ถึง 22133 ตำบลหลักชัย (ลาดบัวหลวง) อำเภอลาดบัวหลวง (เสนาน้อย) จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมสิ่งปลูกสร้าง และที่ดินโฉนดเลขที่ 45381 ตำบลฉิมพลี (บางระมาด) อำเภอตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาด หากไม่พอให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยออกขายทอดตลาดชำระหนี้แก่โจทก์จนครบ แต่จำเลยไม่ปฏิบัติตาม โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาด แต่ยังไม่พอชำระหนี้ตามคำพิพากษา ต่อมาโจทก์จึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 24835 ตำบลบางขุนศรี (บางขุนนนท์) อำเภอบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร ซึ่งมีชื่อจำเลยถือกรรมสิทธิ์รวมกับผู้ร้องที่ 2 และที่ 3 ออกขายทอดตลาด
ผู้ร้องทั้งสามยื่นคำร้องว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่มีอำนาจยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 24835 เพราะเมื่อจำเลยถึงแก่ความตายตั้งแต่ปี 2545 ที่ดินพิพาทจึงตกเป็นของทายาท โจทก์ต้องยื่นฟ้องกองมรดกของจำเลยภายใน 1 ปี นับแต่รู้ถึงแก่ความตายของจำเลย คดีโจทก์ขาดอายุความ การยึดที่ดินพิพาทไม่ชอบ เป็นการใช้สิทธิไม่สุจริต เพราะการขายทอดตลาดที่ดินจำนองโฉนดเลขที่ 45381 ตำบลฉิมพลี (บางระมาด) อำเภอตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้างยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา โจทก์ไม่มีสิทธินำยึดที่ดินพิพาท ขอให้เพิกถอนหมายบังคับคดี เพิกถอนการบังคับคดีและเพิกถอนการยึดที่ดินพิพาท
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า การยึดที่ดินพิพาทเป็นการบังคับคดีภายใน 10 ปี แม้จำเลยถึงแก่ความตายก็ไม่กระทบสิทธิในการบังคับคดีของโจทก์ ผู้ร้องที่ 2 และที่ 3 เป็นเจ้าของรวมในที่ดินพิพาท ไม่มีสิทธิยื่นคำร้องในคดีนี้ ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้ผู้ร้องทั้งสามร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความรวม 10,000 บาท
ผู้ร้องทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาตามฎีกาผู้ร้องทั้งสามว่า มีเหตุให้เพิกถอนการบังคับคดีที่ดินโฉนดเลขที่ 24835 ตำบลบางขุนศรี (บางขุนนนท์) อำเภอบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร หรือไม่ โดยผู้ร้องทั้งสามอ้างว่า เมื่อโจทก์ไม่ใช้สิทธิฟ้องคดีกองมรดกของจำเลยภายใน 1 ปี นับแต่วันที่ทราบถึงเหตุแห่งความตาย คดีจึงขาดอายุความ โจทก์ไม่มีสิทธินำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพิพาทได้นั้น เห็นว่า คดีนี้เป็นกรณีที่โจทก์ยึดทรัพย์จำนองของจำเลยออกขายทอดตลาดตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น แต่ได้เงินไม่พอชำระหนี้ และความปรากฏว่าจำเลยถึงแก่ความตายไปแล้ว โจทก์จึงขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพิพาทซึ่งเป็นทรัพย์มรดกของจำเลยเพิ่ม จึงเป็นกรณีที่โจทก์ขอให้ดำเนินการบังคับคดีเอาจากกองมรดกของจำเลยตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 ซึ่งโจทก์มีสิทธิที่จะดำเนินการดังกล่าวภายในระยะเวลา 10 ปี มิใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องคดีมรดกซึ่งมีอายุความ 1 ปี นับแต่เมื่อโจทก์เจ้าหนี้ได้รู้หรือควรได้รู้ถึงความตายของเจ้ามรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 วรรคสาม ดังที่ผู้ร้องอ้าง ผู้ร้องทั้งสามจึงไม่อาจยกเหตุนี้ขึ้นอ้างเพื่อขอให้ศาลเพิกถอนการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 ได้ ฎีกาของผู้ร้องทั้งสามข้อนี้ฟังไม่ขึ้น ส่วนฎีกาข้ออื่นของผู้ร้องทั้งสามนั้นไม่อาจทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลงไป จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องของผู้ร้องทั้งสามมานั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ