คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1619/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ขณะที่จำเลยถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมและยึดอาวุธปืนและกระสุนปืนไว้เป็นของกลางนั้น ไม่มีพฤติการณ์ใดส่อแสดงว่าจำเลยพาอาวุธปืนและกระสุนปืนดังกล่าวเพื่อจะใช้ในการกระทำผิด หรือเพื่อจะก่อเหตุร้ายขึ้น ทั้งกระสุนปืนที่บรรจุอยู่กับอาวุธปืนก็มีอยู่เพียงนัดเดียว ความผิดของจำเลยจึงไม่ร้ายแรงนัก เมื่อจำเลยไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนประกอบกับเคยได้กระทำคุณงานความดีโดยเข้าร่วมกับกลุ่มหนุ่มสาวพัฒนาหมู่บ้านของจำเลยจนได้รับรางวัลดีเด่นของหมู่บ้านจึงมีเหตุอันควรปรานี ที่จะให้รอการลงโทษจำเลยไว้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีอาวุธปืนลูกซองพกชนิดประกอบขึ้นเองขนาด 20 ไม่มีเครื่องหมายทะเบียนประจำอาวุธปืนของเจ้าพนักงานประทับไว้จำนวน 1 กระบอก และเครื่องกระสุนปืนจำนวน 1 นัดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และจำเลยได้พาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวติดตัวไปเขตบ้านดอนฉิม ตำบลดอนฉิมอำเภอแวงใหญ่ จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นหมู่บ้านและเป็นทางสาธารณะและในที่ชุมนุมชนในขณะที่มีงานกฐินและการรื่นเริง มีหมอลำแสดงให้ประชาชน โดยไม่มีเหตุสมควร ทั้งนี้โดยจำเลยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนติดตัวไปและไม่ใช่กรณีที่ต้องมีอาวุธปืนติดตัวไปเมื่อมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 4, 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 32, 33, 91, 371 และริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 4, 7, 8 ทวิ, 72 ทวิประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 91, 371 ลงโทษฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 2 ปี ปรับ 5,000 บาทฐานพาอาวุธปืนโดยไม่มีเหตุสมควรจำคุก 6 เดือน ปรับ 5,000 บาทรวมจำคุก 2 ปี 6 เดือน ปรับ 10,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา นับเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี 3 เดือนปรับ 5,000 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับโทษจำคุกมาก่อน เพื่อให้โอกาสกลับตัว เห็นสมควรให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบของกลาง
โจทก์อุทธรณ์ขอไม่ให้รอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดฐานมีอาวุธปืนให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน มาตรา 7, 72 วรรคแรก ความผิดฐานพาอาวุธปืน ไปในงานรื่นเริงให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนมาตรา 8 ทวิ วรรคสอง 72 ทวิ วรรคสอง ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ไม่รอการลงโทษให้จำเลยและไม่ปรับ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ขอให้รอการลงโทษ
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว เห็นว่า ขณะที่จำเลยถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมและยึดอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้เป็นของกลางนั้นไม่มีพฤติการณ์ใดส่อแสดงว่า จำเลยพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวเพื่อจะใช้ในการกระทำผิดหรือเพื่อจะก่อเหตุร้ายขึ้น ทั้งกระสุนปืนที่บรรจุอยู่กับอาวุธปืนก็มีอยู่เพียงนัดเดียว ความผิดของจำเลยจึงไม่ร้ายแรงนัก เมื่อจำเลยไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนประกอบกับเคยได้กระทำคุณงามความดีโดยเข้าร่วมกับกลุ่มหนุ่มสาวพัฒนาหมู่บ้านของจำเลยจนได้รับรางวัลดีเด่น ของหมู่บ้าน จึงมีเหตุอันควรปรานีที่จะให้รอการลงโทษจำเลยไว้เพื่อให้โอกาสจำเลยกลับตัวเป็นพลเมืองดีต่อไป
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดและให้รอการลงโทษจำคุกไว้ 2 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1

Share