คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1618-1619/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ศาลเดิมและศาลอุทธรณ์จะฟังข้อเท็จจริงต่างกัน แต่ศาลเดิมและศาลอุทธรณ์ก็คงพิพากษายกฟ้องโจทก์ โดยอาศัยข้อเท็จจริงนั่นเองนั้น โจทก์จะฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ต้องห้ามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 และจำเลยจะฎีกาขอให้ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงอีกก็ไม่ได้เช่นเดียวกัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยทั้งสองสมคบกันลักกระบือของนายสีบุดดาเวียงไป 4 ตัว ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 293, 294, 296

จำเลยปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นไม่เชื่อคำพยานโจทก์ พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เชื่อข้อเท็จจริงตามคำพยานโจทก์แต่เห็นว่าเป็นเรื่องรับของโจรไม่ใช่ลักทรัพย์ ฉะนั้นศาลจะลงโทษจำเลยฐานรับของโจรไม่ได้ จึงพิพากษายืน

โจทก์ จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้ แม้ศาลอุทธรณ์และศาลเดิมจะฟังข้อเท็จจริงต่างกัน แต่ศาลเดิมและศาลอุทธรณ์ก็คงพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริงนั้นเอง โจทก์จะฎีกาไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219

ส่วนฎีกาของจำเลย ขอให้ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องโจทก์ โดยถือข้อเท็จจริงตามศาลจังหวัดกบินทร์บุรีว่า จำเลยมิได้กระทำผิดนั้นเห็นว่า เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริงว่าจำเลยไม่ได้ลักกระบือดังฟ้อง เมื่อเช่นนี้จำเลยจะมาขอให้ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงอีกไม่ได้

จึงพิพากษายืน

Share