แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้ศาลเดิมและศาลอุทธรณ์จะฟังข้อเท็จจริงต่างกัน แต่ศาลเดิมและศาลอุทธรณ์ก็คงพิพากษายกฟ้องโจทก์ โดยอาศัยข้อเท็จจริงนั่นเองนั้น โจทก์จะฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ต้องห้ามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 และจำเลยจะฎีกาขอให้ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงอีกก็ไม่ได้เช่นเดียวกัน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยทั้งสองสมคบกันลักกระบือของนายสีบุดดาเวียงไป 4 ตัว ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 293, 294, 296
จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นไม่เชื่อคำพยานโจทก์ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เชื่อข้อเท็จจริงตามคำพยานโจทก์แต่เห็นว่าเป็นเรื่องรับของโจรไม่ใช่ลักทรัพย์ ฉะนั้นศาลจะลงโทษจำเลยฐานรับของโจรไม่ได้ จึงพิพากษายืน
โจทก์ จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้ แม้ศาลอุทธรณ์และศาลเดิมจะฟังข้อเท็จจริงต่างกัน แต่ศาลเดิมและศาลอุทธรณ์ก็คงพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริงนั้นเอง โจทก์จะฎีกาไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
ส่วนฎีกาของจำเลย ขอให้ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องโจทก์ โดยถือข้อเท็จจริงตามศาลจังหวัดกบินทร์บุรีว่า จำเลยมิได้กระทำผิดนั้นเห็นว่า เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริงว่าจำเลยไม่ได้ลักกระบือดังฟ้อง เมื่อเช่นนี้จำเลยจะมาขอให้ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงอีกไม่ได้
จึงพิพากษายืน