คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1613/2534

แหล่งที่มา : ADMIN

ย่อสั้น

ความผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีนและความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย มีการกระทำอันเป็นความผิดแตกต่างกันเมื่อโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษฐานจำหน่ายเฮโรอีนเพียงฐานเดียวโดยมิได้ฟ้องฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายด้วย การที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจึงเป็นการพิพากษาเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในฟ้องตาม ป.วิ.อ.มาตรา 192 วรรคแรก กรณีมิใช่ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในทางพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้องในข้อมิใช่สาระสำคัญตามมาตรา 192 วรรคสอง และกรณีไม่ต้องด้วย มาตรา 192 วรรคสามศาลอุทธรณ์จึงไม่มีอำนาจพิพากษาลงโทษในข้อหาดังกล่าวที่พิจารณาได้ความได้ เพราะเป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษ โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานจำหน่ายเฮโรอีน ศาลชั้นต้นลงโทษฐานพยายามจำหน่ายเฮโรอีน โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษฐานจำหน่ายเฮโรอีนตามฟ้อง การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันจำหน่ายเฮโรอีนของกลาง แต่ฟังได้ว่าจำเลยมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้วลงโทษจำเลยในความผิดฐานดังกล่าว เป็นการที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องในข้อหาจำหน่ายเฮโรอีนยืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น การที่โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษฐานจำหน่ายเฮโรอีนอีกจึงต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 220 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันจำหน่ายขายเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์ ซึ่งเป็นเกลือของเฮโรอีน อันเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7,8, 15, 66, 102 พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2528ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2522) เรื่องระบุชื่อและประเภทยาเสพติดให้โทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 ลงวันที่ 17 กันยายน 2522 ข้อ 1(1) ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 32, 83 กับให้ริบเฮโรอีนของกลางและคืนเงินสด 56,000 บาทที่ใช้ล่อซื้อแก่เจ้าของ
จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ
จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันพยายามจำหน่ายเฮโรอีนของกลาง พิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติ ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15,66 วรรคสอง, 102 พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2528 ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2522) เรื่องระบุชื่อและประเภทยาเสพติดให้โทษ ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 ลงวันที่ 17 กันยายน 2522 ข้อ 1(1) ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 ประกอบมาตรา 53 และ 80 จำคุกคนละ 33 ปี 4 เดือน แม้จำเลยที่ 1 จะให้การรับสารภาพชั้นจับกุม สอบสวนและชั้นพิจารณาจำเลยที่ 2รับสารภาพในชั้นจับกุม แต่ศาลก็มิได้หยิบยกคำรับของจำเลยทั้งสองประกอบการวินิจฉัยคดี จึงไม่มีเหตุสมควรลดโทษให้ริบเฮโรอีนของกลาง ส่วนเงินสด56,000 บาท ที่ใช้ล่อซื้อเฮโรอีนได้ความว่าเจ้าของรับคืนไปแล้วจึงไม่จำเป็นต้องสั่งคืนอีก
โจทก์และจำเลยทั้งสองต่างอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันจำหน่ายเฮโรอีน แต่ฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันมีเฮโรอีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา15 วรรคสอง, 66 วรรคสอง, 102 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83จำคุกจำเลยทั้งสองตลอดชีวิต จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพชั้นจับกุมสอบสวนและชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบด้วยมาตรา 53 คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 25 ปี จำเลยที่ 2 รับสารภาพในชั้นจับกุมเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้านมีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบด้วยมาตรา 53 คงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 37 ปี 6 เดือน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองได้บังอาจร่วมกันจำหน่าย ขาย เฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์ ซึ่งเป็นเกลือของเฮโรอีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรงในประเภท 1 ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าคดีฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่า จำเลยทั้งสองกำลังติดต่อขายเฮโรอีนของกลางให้ดาบตำรวจทองจิตต์ และได้ความว่า ขณะจำเลยทั้งสองถูกจับกุม เฮโรอีนของกลางยังอยู่ในครอบครองของจำเลยที่ 1 เงินที่ใช้ล่อซื้อยังอยู่ในครอบครองของดาบตำรวจทองจิตต์ การซื้อขายเฮโรอีนจึงยังไม่สำเร็จบริบูรณ์ การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นเพียงความผิดฐานพยายามจำหน่ายเฮโรอีน แม้โจทก์จะมิได้ขอให้ลงโทษฐานนี้แต่ศาลก็มีอำนาจลงโทษได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 ส่วนการที่จำเลยทั้งสองมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองจำนวน164.44 กรัม อันมีน้ำหนักเกินกว่า 20 กรัม ซึ่งถือได้ว่าจำเลยทั้งสองมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามมาตรา 15 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติ ยาเสพติดให้โทษก็ตาม แต่คำฟ้องของโจทก์มิได้บรรยายว่าจำเลยทั้งสอง มีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจึงไม่อาจลงโทษได้ และพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 16 วรรคสอง, 102 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 ประกอบ มาตรา 53 และ 80 จำคุกคนละ 33 ปี 4 เดือนศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันจำหน่ายเฮโรอีนของกลาง แต่ฟังได้ว่าจำเลยทังสองมีเฮโรอีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย เฮโรอีนของกลางมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เกิน 100 กรัม จำเลยทั้งสองต้องมีความผิดตามมาตรา 15 วรรคสอง และ 66 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 25 ปี จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด37 ปี 6 เดือน แล้ววินิจฉัยปัญหาศาลอุทธรณ์มีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองในข้อหาฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือไม่ว่า คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องไว้ชัดเจนว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันจำหน่ายเฮโรอีนไม่ได้บรรยายฟ้องฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายด้วย ทั้งองค์ประกอบในความผิดสองฐานแตกต่างกัน การกระทำในการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายแตกต่างกันและประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 ก็ห้ามมิให้พิพากษาเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในฟ้อง จะถือว่าข้อเท็จจริงในทางพิจารณาแตกต่างกับคำฟ้อง มิใช้ข้อสาระสำคัญและจำเลยมิได้หลงต่อสู้ตามมาตรา 192 วรรคสอง ก็ไม่ได้ เพราะข้อเท็จจริงที่ได้ความเป็นคนละฐานความผิดกันทั้งโจทก์มิได้บรรยายฟ้องไว้ด้วย มาตรา192 วรรคสาม ก็มิได้ยกเว้นฐานความผิดนี้ไว้อันจะมิให้ถือว่าต่างกันในข้อสาระสำคัญ ศาลอุทธรณ์จึงไม่มีอำนาจลงโทษจำเลยฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย เพราะเป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษ คำพิพากษาในส่วนนี้จึงไม่ชอบ และวินิจฉัยปัญหาโจทก์จะฎีกาว่าจำเลยกระทำความผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีนได้หรือไม่ว่า โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานจำหน่ายเฮโรอีน ศาลชั้นต้นลงโทษฐานพยายามจำหน่ายเฮโรอีน เท่ากับศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องในข้อหาฐานจำหน่ายเฮโรอีนโจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยฐานจำหน่ายเฮโรอีนตามฟ้อง การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่า จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันจำหน่ายเฮโรอีนของกลาง แต่ฟังได้ว่า จำเลยมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้วลงโทษจำเลยในความผิดดังกล่าว เห็นได้ว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องในข้อหาจำหน่ายเฮโรอีนยืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น การที่โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษฐานจำหน่ายเฮโรอีนอีกจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในส่วนที่เกี่ยวกับความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และให้ยกฎีกาของโจทก์ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share