คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1605/2538

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

คดีข่มขืนกระทำชำเราเมื่อผู้เสียหายยืนยันว่าได้ถูกจำเลยข่มขืนกระทำชำเราจนสำเร็จความใคร่และยังได้บอกให้บิดาทราบในทันทีที่บิดากลับบ้านหลังเกิดเหตุเพียง2ชั่วโมงประกอบกับในการเจรจาระหว่างญาติฝ่ายผู้เสียหายกับฝ่ายจำเลยจำเลยก็ยอมรับว่าได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายจริงพยานหลักฐานโจทก์จึงฟังลงโทษจำเลยได้ ฝ่ายผู้เสียหายตกลงกับจำเลยและญาติจำเลยว่าฝ่ายจำเลยจะดำเนินการชดใช้ค่าเสียหายและสู่ขอแต่งงานกับผู้เสียหายใน10วันโดยไม่ให้มีการแจ้งความดำเนินคดีแต่จำเลยไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อตกลงกรณีจึงยังถือไม่ได้ว่าเป็นการยอมความตามกฎหมายสิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมไม่ระงับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา39(2)

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ขอให้ ลงโทษ จำเลย ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276
จำเลย ให้การ ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้น พิจารณา แล้ว พิพากษา ว่า จำเลย มี ความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคแรก ให้ จำคุก 5 ปี
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลย ฎีกา โดย ผู้พิพากษา ซึ่ง พิจารณา และ ลงชื่อ ใน คำพิพากษาศาลชั้นต้น อนุญาต ให้ ฎีกา ใน ปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “พิเคราะห์ แล้ว คดี มี ปัญหา วินิจฉัย ว่าจำเลย ข่มขืน กระทำ ชำเรา ผู้เสียหาย ตาม ฟ้อง หรือไม่ โดย จำเลย ฎีกา ว่าผู้เสียหาย เบิกความ มี เลศนัย พิรุธ โจทก์ ไม่ได้ นำ หลักฐาน การ ตรวจชันสูตร ของ แพทย์ มา พิสูจน์ ยืนยัน ว่า ผู้เสียหาย มี ร่องรอย การ ถูกข่มขืน กระทำ ชำเรา และ ถ้าหาก จำเลย กระทำผิด จริง ก็ คง ยินยอม แต่งงานกับ ผู้เสียหาย แล้ว ใน ข้อ นี้ ได้ความ จาก ผู้เสียหาย ว่า วันเกิดเหตุเวลา 14.30 นาฬิกา ผู้เสียหาย แต่ ผู้เดียว นอนหลับ อยู่ ใน ห้องไม่ได้ ลง กลอน ประตู จำเลย คน รู้ จัก กัน มี บ้าน อยู่ ใกล้ กัน ได้ เข้า มากอดจูบและ ถลกผ้าถุง ผู้เสียหาย ถึง เอว ผู้เสียหาย ตกใจ ตื่น ขึ้น มา ขัดขืนและ ร้อง ตะโกน เรียก ให้ คน ช่วย แต่ ไม่มี ผู้ใด มา และ สู้ แรง จำเลย ไม่ได้จำเลย ถอด กางเกงใน ผู้เสียหาย พร้อม กับ ถลกผ้า โสร่ง จำเลย แล้วกระทำ ชำเรา ผู้เสียหาย จน สำเร็จความใคร่ แล้ว กลับ ไป ผู้เสียหายนั่ง ร้องไห้ จน เวลา ประมาณ 17 นาฬิกา นาย มานะ เปาะซา บิดา กลับ จาก ทำงาน นอกบ้าน ผู้เสียหาย จึง ได้ เล่า เหตุการณ์ ให้ ฟัง นาย มานะ ไป เล่าเรื่อง ให้ มารดา จำเลย ฟัง มารดา จำเลย ด่า และ ท้า ให้ ไป แจ้งความนาย มานะ พา ผู้เสียหาย ไป แจ้งความ ต่อ พัน ตำรวจ ตรี ประทีป ราญสระน้อย ที่ สถานีตำรวจ ตันหยง ตำรวจ ได้ ตาม จำเลย พร้อม ด้วย ญาติ ไป เจรจา กัน ที่ สถานีตำรวจ ญาติ จำเลย ยอมรับ ว่า จะ ดำเนินการ สู่ ขอผู้เสียหาย และ แต่งงาน กัน ตาม ประเพณี ภายใน 10 วัน แต่ ครบ กำหนด แล้วจำเลย ไม่ ดำเนินการ แต่งงาน นาย มานะ จึง พา ผู้เสียหาย ไป แจ้งความ พันตำรวจตรี ประทีป อีก ครั้ง เห็นว่า แม้ โจทก์ จะ มี ผู้เสียหาย เป็น ประจักษ์พยาน เพียง ปาก เดียว โดย ไม่มี พยานแวดล้อม สนับสนุน แต่ผู้ต้องหา ใน คดี ความผิด ต่อ เพศ มัก ลักลอบ กระทำ ต่อ ผู้เสียหาย สอง ต่อ สองโดย เข้าใจ ว่า ผู้เสียหาย เป็น หญิง สาว ย่อม จะ มี ความ ละ อาย ใน การ เปิดเผยความลับ คง ไม่ถึง กับ กล้า ดำเนินคดี เพราะ มี แต่ จะ เสียชื่อเสียง ใน คดีนี้ คง มี เพียง ผู้เสียหาย เบิกความ ยืนยัน ว่า รู้ จัก จำเลย เพราะ เป็นคน บ้าน ใกล้ กัน แต่ ไม่เคย ไป เที่ยว หรือ เกี่ยวข้อง รักใคร่ ชอบพอ กับจำเลย จำเลย เข้า ไป ใน ห้องนอน ขณะ ผู้เสียหาย นอนหลับ ผู้เสียหายมี ความ กลัว พยายาม ขัดขืน และ ร้อง เรียก ให้ คน ช่วย แต่ สู้ แรง จำเลย ไม่ได้เมื่อ ถูก ข่มขืน กระทำ ชำเรา รู้สึก เจ็บ ภายใน ซึ่ง แสดง ถึง ความ ไม่เต็ม ใจและ ยัง ได้ บอก ต่อ นาย มานะ บิดา ใน ทันที ที่ กลับ บ้าน หลัง เกิดเหตุ เพียง ประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่ง นาย มานะ ก็ ได้ เบิกความ เป็น พยาน สอดคล้อง กัน ว่า ใน ทันใด ที่ พยาน กลับมา ถึง บ้าน ผู้เสียหาย ได้ แจ้ง ระบุ ว่า ถูกจำเลย ข่มขืน กระทำ ชำเรา พยาน จึง พา ผู้เสียหาย ไป แจ้งความ ตำรวจได้ความ จาก พัน ตำรวจ ตรี ประทีป พนักงานสอบสวน ร้อยตำรวจตรี ทวีศักดิ์ ทองสองสี นายร้อย เวร สถานีตำรวจ ตันหยง นาย ดาบตำรวจ ลิขิต ปิยะวงศ์ ตำรวจ ผู้จับกุม จำเลย ว่า ใน ชั้น ที่ มี การ เจรจา ระหว่าง ญาติ ฝ่าย ผู้เสียหาย กับ ฝ่าย จำเลย เมื่อ วันที่ 15 กันยายน 2534 จำเลย และญาติ ฝ่าย จำเลย ยอมรับ ว่า จำเลย ได้ ข่มขืน กระทำ ชำเรา ผู้เสียหาย จริงจำเลย จะ ดำเนินการ สู่ ขอ ผู้เสียหาย และ แต่งงาน กัน ตาม ประเพณี ภายใน10 วัน แต่ ภายหลัง ผู้เสียหาย ได้ มา แจ้ง ว่า จำเลย ไม่ปฏิบัติ ตาม สัญญาเห็นว่า คำเบิกความ พยานโจทก์ ดังกล่าว สอดคล้อง กัน และ มีเหตุ ผลน่าเชื่อ แม้ จะ ไม่ปรากฏ ว่า มี การ นำตัว ผู้เสียหาย ไป ให้ แพทย์ ตรวจพิสูจน์ ร่องรอย การ ถูก ข่มขืน กระทำ ชำเรา แต่ พัน ตำรวจ ตรี ประทีป ก็ เบิกความ ว่า เป็น เพราะ ฝ่าย ผู้เสียหาย กับ ฝ่าย จำเลย ประสงค์ ที่ จะตกลง กัน ศาลฎีกา เห็นว่า ผู้เสียหาย ยืนยัน ว่า ได้ ถูก จำเลย ข่มขืนกระทำ ชำเรา จน สำเร็จความใคร่ เมื่อ ฟัง ประกอบ กับ คำพยาน อื่นดัง วินิจฉัย มา แล้ว พยานหลักฐาน โจทก์ ฟังได้ เป็น มั่นคง ว่า จำเลยกระทำผิด ตาม ฟ้อง จริง พยานหลักฐาน จำเลย ที่ อ้าง ฐาน ที่อยู่ไม่มี น้ำหนัก รับฟัง หักล้าง พยานโจทก์ คดี นี้ แม้ จะ ฟังได้ จาก พยานโจทก์ว่า เมื่อ วันที่ 15 กันยายน 2534 ฝ่าย ผู้เสียหาย ตกลง กับ จำเลย และญาติ จำเลย ว่า ฝ่าย จำเลย จะ ดำเนินการ ชดใช้ ค่าเสียหาย และ สู่ ขอแต่งงาน กับ ผู้เสียหาย ภายใน 10 วัน โดย ไม่ให้ มี การ แจ้งความ ดำเนินคดีก็ ตาม แต่ ปรากฏว่า จำเลย ไม่ปฏิบัติ ตาม เงื่อนไข ข้อตกลง ดังกล่าวกรณี จึง ยัง ถือไม่ได้ว่า เป็น การ ยอมความ ตาม กฎหมาย ดังนั้น สิทธินำ คดีอาญา มา ฟ้อง ย่อม ไม่ระงับ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39(2) ที่ ศาลล่าง ทั้ง สอง พิพากษา ลงโทษ จำเลย ศาลฎีกาเห็นพ้อง ด้วย ฎีกา จำเลย ฟังไม่ขึ้น ”
พิพากษายืน

Share