คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 410/2538

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

เมื่อศาลภาษีอากรกลางมีคำสั่งยกคำร้องขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถาของโจทก์และศาลฎีกามีคำสั่งให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของโจทก์แล้วคำสั่งดังกล่าวจึงถึงที่สุดโจทก์จะขอต่อศาลให้อนุญาตโจทก์นำกรรมการบริษัทของโจทก์เข้าสาบานตัวให้คำชี้แจงว่าโจทก์ไม่มีทรัพย์สินพอจะเสียค่าธรรมเนียมศาลประกอบคำร้องขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถาของโจทก์โดยมิได้ร้องขอต่อศาลให้พิจารณาคำขอนั้นใหม่เพื่ออนุญาตให้โจทก์นำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าโจทก์เป็นคนยากจนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา156วรรคสี่หาได้ไม่ศาลภาษีอากรกลางจึงชอบที่จะเพิกถอนคำสั่งที่ให้รับคำร้องไว้ไต่สวนแล้วมีคำสั่งใหม่ให้ยกคำร้องของโจทก์ได้แต่เนื่องจากโจทก์ยื่นคำร้องดังกล่าวก่อนครบกำหนดเวลาที่ต้องนำเงินค่าขึ้นศาลมาชำระตามคำสั่งศาลฎีกาเมื่อศาลภาษีอากรกลางสั่งรับคำร้องและนัดไต่สวนจึงหลงผิดว่ายังไม่ต้องชำระค่าขึ้นศาลและมิได้ชำระค่าขึ้นศาลตามกำหนดเวลาที่ศาลฎีกากำหนดไว้เมื่อศาลภาษีอากรกลางเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวแล้วจึงต้องกำหนดเวลาให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลมาชำระในเวลาอันสมควรจะอ้างว่าโจทก์ไม่ชำระค่าขึ้นศาลตามคำสั่งศาลฎีกาจึงมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องของโจทก์ทันทีหาชอบไม่

ย่อยาว

คดี สืบเนื่อง จาก โจทก์ ฟ้อง ขอให้ เพิกถอน การ ประเมิน ของเจ้าพนักงาน ประเมิน เกี่ยวกับ ภาษี ตาม ประมวลรัษฎากร และ คำวินิจฉัยอุทธรณ์ ของ คณะกรรมการ พิจารณา อุทธรณ์ พร้อม กับ ยื่น คำร้องขอ ฟ้องคดี อย่าง คนอนาถา โดย มอบอำนาจ ให้ นาย การุน อาศัยปา เป็น ผู้ ฟ้อง คดี แทน และ นาย การุณ เป็น ผู้ สาบาน ตัว ตาม คำร้องขอ ฟ้องคดี อย่าง คนอนาถา ดังกล่าว
ศาลภาษีอากรกลาง มี คำสั่ง ยกคำร้อง ของ โจทก์ หาก โจทก์ ยังติดใจ ฟ้องคดี ต่อไป ให้ นำ เงิน ค่าธรรมเนียม มา ชำระ ใน 15 วัน นับแต่วัน ทราบ คำสั่ง
โจทก์ อุทธรณ์ คำสั่ง
ศาลฎีกา แผนก คดีภาษีอากร มี คำสั่ง หาก โจทก์ ประสงค์ จะ ดำเนินคดีต่อไป ให้ นำ เงิน ค่าธรรมเนียมศาล มา ชำระ ภายใน 15 วัน แต่ โจทก์ ไม่มา ศาลใน วันที่ 22 ตุลาคม 2535 ซึ่ง เป็น วันนัด อ่าน คำสั่งศาล ฎีกาศาลภาษีอากรกลาง งด อ่าน คำสั่งศาล ฎีกา โดย ถือว่า คำสั่ง นั้น ได้ อ่านตาม กฎหมาย แล้ว
วันที่ 28 ตุลาคม 2535 โจทก์ ยื่น คำร้องขอ ให้ ศาล อนุญาต ให้โจทก์ นำ กรรมการ ผู้มีอำนาจ กระทำการ แทน โจทก์ เข้า สาบาน ตัว ตามคำร้องขอ ฟ้องคดี อย่าง คนอนาถา และ ไต่สวน คำร้องขอ ฟ้องคดี อย่าง คนอนาถาของ โจทก์ ต่อไป
ศาลภาษีอากรกลาง มี คำสั่ง รับคำ ร้อง นัด ไต่สวน
ต่อมา วันที่ 14 ธันวาคม 2536 ศาลภาษีอากรกลาง มี คำสั่ง ว่าเนื่องจาก ศาลฎีกา มี คำสั่ง ว่า หาก โจทก์ ประสงค์ จะ ดำเนินคดี ต่อไป ให้ นำเงิน ค่าธรรมเนียมศาล มา ชำระ ภายใน 15 วัน นับแต่ วัน ทราบ คำสั่งโจทก์ ทราบ คำสั่ง เมื่อ วันที่ 22 ตุลาคม 2535 โจทก์ ต้อง นำ ค่าธรรมเนียมมา ชำระ ตาม คำสั่งศาล ฎีกา ภายใน กำหนด แต่ โจทก์ กลับ ยื่น คำร้อง ดังกล่าวขอ นำ กรรมการ โจทก์ เข้า สาบาน ตัว ตาม คำร้องขอ ดำเนินคดี อย่าง คนอนาถาซึ่ง ศาลฎีกา ได้ มี คำสั่ง (ยก ) ไป แล้ว อีก การ ที่ ศาล ได้ มี คำสั่ง รับคำร้อง และ นัด ไต่สวน อนาถา เมื่อ วันที่ 3 พฤศจิกายน 2535 จึง เป็นการ สั่ง ไป โดย ผิดหลง ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้ เพิกถอน คำสั่ง ดังกล่าว เสียตาม พระราชบัญญัติ จัดตั้ง ศาลภาษีอากร และ วิธีพิจารณา คดีภาษีอากรพ.ศ. 2528 มาตรา 17 ประกอบ กับ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 27 ให้ยก คำร้องขอ งโจทก์ ฉบับ ลงวันที่ 28 ตุลาคม 2535 เสียค่า คำร้อง เป็น พับ เนื่องจาก โจทก์ มิได้ นำ เงิน ค่าธรรมเนียมศาล มา ชำระภายใน กำหนด ตาม คำสั่งศาล ฎีกา จึง ไม่รับฟ้อง โจทก์ ให้ จำหน่ายคดี จากสารบบความ
โจทก์ อุทธรณ์ คำสั่ง
ศาลฎีกา แผนก คดีภาษีอากร วินิจฉัย ว่า “มี ปัญหา ต้อง วินิจฉัย ตามอุทธรณ์ ของ โจทก์ ว่า คำสั่ง ของ ศาลภาษีอากรกลาง ตาม รายงาน กระบวนพิจารณา ลงวันที่ 14 ธันวาคม 2536 ชอบ ด้วย กฎหมาย หรือไม่ เห็นว่าคำร้องขอ งโจทก์ ฉบับ ลงวันที่ 28 ตุลาคม 2535 นั้น โจทก์ เพียงแต่ ขอต่อ ศาล ให้ อนุญาต โจทก์ นำ กรรมการ บริษัท ของ โจทก์ เข้า สาบาน ตัว ให้คำ ชี้แจง ว่า โจทก์ ไม่มี ทรัพย์สิน พอ จะ เสีย ค่าธรรมเนียมศาล ประกอบคำร้องขอ ฟ้องคดี อย่าง คนอนาถา ของ โจทก์ ฉบับ ลงวันที่ 13 กันยายน 2534เท่านั้น มิได้ ร้องขอ ต่อ ศาล ให้ พิจารณา คำขอ นั้น ใหม่ เพื่อ อนุญาต ให้โจทก์ นำพยาน หลักฐาน มา แสดง เพิ่มเติม ว่า โจทก์ เป็น คน ยากจน ตาม บทบัญญัติแห่ง ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคสี่ แต่อย่างใดเมื่อ ศาลภาษีอากรกลาง มี คำสั่ง ยกคำร้อง ของ โจทก์ ฉบับ ลงวันที่ 13กันยายน 2534 และ ศาลฎีกา มี คำสั่ง ให้ยก คำร้องอุทธรณ์ คำสั่ง ของโจทก์ แล้ว คำสั่ง ดังกล่าว จึง ถึงที่สุด โจทก์ จะ ให้ กรรมการ บริษัทโจทก์ สาบาน ตัว ประกอบ คำร้อง ดังกล่าว อีก อันเป็น การ ขอแก้ไขกระบวนพิจารณา เกี่ยวกับ คำร้อง ที่ ไม่ถูกต้อง นั้น เสีย ใหม่ ย่อม ไม่อาจ จะทำได้ เพราะ ไม่มี คำร้อง โจทก์ ดังกล่าว เหลือ อยู่ สำหรับ ให้ โจทก์ ดำเนินการ แก้ไข กระบวนพิจารณา เสีย ใหม่ ได้ ดังนั้น ที่ ภาษีอากร กลาง เพิกถอนคำสั่ง ลงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2535 แล้ว มี คำสั่ง ใหม่ ให้ยก คำร้องของโจทก์ ฉบับ ลงวันที่ 28 ตุลาคม 2535 เสีย จึง ชอบแล้ว อุทธรณ์ ของโจทก์ ฟังไม่ขึ้น
แต่ เนื่องจาก โจทก์ ยื่น คำร้อง ฉบับ ลงวันที่ 28 ตุลาคม 2535ก่อน ครบ กำหนด เวลา ที่ จะ ต้อง นำ เงิน ค่าขึ้นศาล มา ชำระ ตาม คำสั่งศาลฎีกา โดย โจทก์ เจตนา ที่ จะ ให้ ศาลภาษีอากรกลาง ไต่สวน พยานโจทก์และ มี คำสั่ง อนุญาต ให้ โจทก์ ฟ้องคดี อย่าง คนอนาถา ได้ ต่อไป เมื่อศาลภาษีอากรกลาง สั่ง รับคำ ร้อง และ นัด ไต่สวน โจทก์ จึง หลงผิด ว่ายัง ไม่ต้อง ชำระ ค่าขึ้นศาล ตาม คำสั่งศาล ฎีกา โดย รอ ฟัง ผล การ ไต่สวนและ คำสั่งศาล ภาษีอากร กลาง ที่ จะ มี คำสั่ง ต่อไป โจทก์ จึง มิได้ ชำระค่าขึ้นศาล ตาม กำหนด เวลา ที่ ศาลฎีกา กำหนด ไว้ เมื่อ ศาลภาษีอากรกลางเพิกถอน คำสั่ง ดังกล่าว แล้ว มี คำสั่ง ใหม่ เป็น ให้ยก คำร้องขอ งโจทก์ฉบับ ลงวันที่ 28 ตุลาคม 2535 จึง ต้อง กำหนด เวลา ให้ โจทก์ นำ ค่าขึ้นศาลมา ชำระ ใน เวลา อัน สมควร จะ อ้างว่า โจทก์ ไม่ชำระ ค่าขึ้นศาล ตาม คำสั่งศาลฎีกา จึง มี คำสั่ง ไม่รับ คำฟ้อง ของ โจทก์ ไป ทันที หา ชอบ ไม่ ”
พิพากษาแก้ เป็น ว่า ให้ยก คำสั่งศาล ภาษีอากร กลาง ที่ สั่ง ไม่รับคำฟ้อง ของ โจทก์ นั้น เสีย หาก โจทก์ ประสงค์ จะ ดำเนินคดี ต่อไป ให้ นำ เงินค่าขึ้นศาล มา ชำระ ภายใน 15 วัน นับแต่ วัน ฟัง คำพิพากษา นี้ นอกจากที่ แก้ คง ให้ เป็น ไป ตาม คำสั่งศาล ภาษีอากร กลาง

Share