คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7335/2538

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าคำว่า”ซีแพค” เขียนเป็นภาษาอังกฤษว่าCAPAC มิได้ใช้ชื่อซีแพคเป็นนามบุคคลหรือนิติบุคคลส่วนจำเลยจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดชื่อบริษัทซีแพค จำกัดหรือเขียนเป็นภาษาอังกฤษว่าบริษัทSEAPACกรณีจึงไม่ใช่จำเลยใช้นามเดียวกันกับโจทก์โดยมิได้รับอำนาจเพราะคำว่าซีแพคไม่ใช่นามของโจทก์ทั้งชื่อของจำเลยที่เขียนเป็นภาษาอังกฤษก็แตกต่างจากชื่อเครื่องหมายการค้าของโจทก์และไม่ปรากฎว่าการใช้นามของจำเลยทำให้โจทก์ต้องเสื่อมเสียประโยชน์ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา18ประกอบกับจำเลยไม่ได้นำชื่อเครื่องหมายการค้าคำว่าซีแพคไปใช้เป็นชื่อเครื่องหมายการค้าของจำเลยการที่จำเลยนำเอาชื่อเครื่องหมายการค้าของโจทก์มาเป็นชื่อของจำเลยจึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด และเป็นบริษัทในเครือซีเมนต์ไทย ซึ่งมีบริษัทปูนซีเมนต์ไทย จำกัดเป็นบริษัทแม่ของโจทก์ประกอบกิจการการค้าผลิตภัณฑ์และวัสดุก่อสร้างและให้บริการหลายประเภทภายใต้เครื่องหมายการค้าคำว่า “ซีแพค”จำเลยเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด เดิมบริษัทค้าสากลซีเมนต์ไทยจำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือซีเมนต์ไทยเป็นเจ้าของนาม “ซีแพค”ได้ตั้งชื่อซีแพคขึ้นใช้เรียกขานผลิตภัณฑ์และการประกอบกิจการของบริษัทเพื่อความเป็นเอกลักษณ์แห่งกิจการ และได้นำชื่อ “ซีแพค”ไปจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าตามทะเบียนเลขที่ 50458 เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2516 ต่อมาเมื่อปี 2525 โจทก์ได้รับโอนสิทธิในการใช้ชื่อซีแพคและรับโอนเครื่องหมายการค้าคำว่า “ซีแพค”มาจากบริษัทค้าสากลซีเมนต์ไทย จำกัด เพื่อนำมาใช้เรียกขานเป็นชื่อทางการค้า ชื่อผลิตภัณฑ์และการประกอบกิจการต่าง ๆ ของโจทก์โจทก์ได้ใช้ชื่อซีแพคในกิจการจนเป็นที่รู้จักแพร่หลายทั่วไปรวมทั้งได้โฆษณาผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ภายใต้เครื่องหมายการค้าคำว่าซีแพคตั้งแต่ปี 2525 มาโดยตลอดจนถึงปัจจุบัน โดยโฆษณาทั้งทาง โทรทัศน์วิทยุ หนังสือพิมพ์ ตลอดจนการติดตั้งป้ายโฆษณา โจทก์ต้องเสียค่าใช้จ่ายไปเพื่อการนี้ปีละหลายล้านบาทจนสินค้าและกิจการของโจทก์ทุกประเภทเป็นที่นิยมเชื่อถือในคุณภาพแห่งผลิตภัณฑ์โจทก์จึงเป็นเจ้าของชื่อซีแพคและมีสิทธิอันชอบด้วยกฎหมายที่จะใช้และแสวงหาผลประโยชน์จากชื่อซีแพคแต่เพียงผู้เดียว ต่อมาเมื่อกลางปี 2532 โจทก์ทราบว่า จำเลยได้นำชื่อซีแพคของโจทก์ไปใช้ในการทำการค้าและใช้เป็นชื่อของจำเลย โจทก์ได้ตรวจดูหลักฐานปรากฎว่าเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2528 จำเลยได้นำชื่อซีแพคของโจทก์ไปใช้ตั้งชื่อบริษัทว่า”บริษัทซีแพค จำกัด” ใช้ชื่อว่าภาษาอังกฤษ ว่า “SEAPAC COMPANY LIMITED” โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่า ชื่อซีแพคเป็นของโจทก์ และเป็นสิทธิอันชอบของโจทก์แต่เพียงผู้เดียว จำเลยจึงไม่มีสิทธินำชื่อซีแพคของโจทก์ไปใช้เป็นชื่อจำเลยหรือนำไปใช้ไม่ว่าในทางใด ๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์ การกระทำของจำเลยทำให้ลูกค้าของโจทก์และประชาชนทั่วไปเข้าใจผิดว่า จำเลยเป็นบริษัทในเครือของโจทก์และกิจการของจำเลยเป็นกิจการของโจทก์ ทำให้โจทก์เสียหาย เสียประโยชน์ในทางการค้าและเสียหายในชื่อเสียง คุณค่าและความนิยมในชื่อซีแพคที่โจทก์ได้สร้างสมไว้เป็นเวลานาน เป็นการแสวงหาประโยชน์โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายโจทก์ขอคิดค่าเสียหายเป็นเงินวันละ 5,000บาท โจทก์ได้แจ้งให้จำเลยทราบถึงความเสียหายที่โจทก์ได้รับ ขอให้จำเลยระงับและเลิกการใช้ชื่อซีแพคเป็นชื่อจำเลยและทางการค้าจำเลยรับทราบแล้วแต่ไม่ปฎิบัติ ขอให้บังคับจำเลยเลิกใช้ชื่อซีแพคทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษเป็นชื่อจำเลยและให้จำเลยยื่นขอจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อโดยไม่ซ้ำหรือคล้ายกับชื่อซีแพค หรือ CPACห้ามจำเลยใช้ชื่อซีแพคหรือCEAPAC หรือคำอื่นที่ออกเสียงเป็นซีแพค ให้จำเลยชำระค่าเสียหายให้โจทก์เป็นเงินวันละ 5,000 บาทนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะปฎิบัติตามคำขอของโจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่ใช่เจ้าของเครื่องหมายการค้าคำว่า”ซีแพค” จำเลยเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย มีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการเป็นนายหน้าตัวแทน ในการบรรจุหีบห่อสินค้าและวัสดุภัณฑ์ต่าง ๆ ทั้งนำเข้าและส่งออกไปยังต่างประเทศ การบรรจุหีบห่อนั้น เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า”แพคกิ้ง” เมื่อเป็นการส่งหีบห่อวัสดุข้ามทะเล จึงเรียกได้ว่าเป็นการแพคกิ้งสินค้าข้ามทะเลหรือซีแพค ชื่อของจำเลยจึงถูกตั้งขึ้นว่า บริษัทซีแพค จำกัด SEAPAC COMPANY LIMITED และได้จดทะเบียนต่อสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร โดยถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ซ้ำซ้อนกับชื่อของบริษัทอื่น ชื่อของจำเลยไม่ใช่เครื่องหมายการค้าและไม่ได้ใช้เป็นเครื่องหมายการค้า ทั้งไม่เหมือนหรือคล้ายกับชื่อของโจทก์อันทำให้เป็นการลวงสาธารณชนให้หลงเชื่อเพราะชื่อของจำเลยไม่ใช่ชื่อที่ใช้กับสินค้า ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า โจทก์ประกอบธุรกิจผลิตสินค้าและจำหน่ายสินค้าประเภทคอนกรีต เช่นกระเบื้องซีแพคมอเนีย คอนกรีตผสมเสร็จซีแพค คานรูปตัวทีซีแพคบล๊อกปูถนนซีแพค ผลิตภัณฑ์ของโจทก์เรียกขานและใช้ชื่อ “ซีแพค”เป็นชื่อในทางการค้าโดยย่อมาจากชื่อโจทก์ที่เป็นภาษาอังกฤษว่าThe Concreat Product & Aggregate Co,Ltd. และจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าตามทะเบียนเลขที่ 50458 จำเลยได้จดทะเบียนโดยใช้ชื่อว่า “บริษัทซีแพค จำกัด” เป็นภาษาอังกฤษว่า”SEAPAC COMPANY LIMITED” มีวัตถุประสงค์ในการประกอบกิจการขนส่งและขนถ่ายสินค้าและคนโดยสารทั้งทางบก ทางทะเลและทางอากาศทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ รวมทั้งรับบริการนำของออกจากท่าเรือตามพิธีการศุลกากร และจัดระวางการขนส่งทุกชนิดตามหนังสือรับรองเอกสารหมาย จ.6 ข้อ 26 มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่า การที่จำเลยนำเอาชื่อตรงกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์มาเป็นชื่อของจำเลยซึ่งเป็นนิติบุคคลเป็นการละเมิดต่อโจทก์หรือไม่ เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 18บัญญัติไว้ความว่า สิทธิของบุคคลในการที่จะใช้นามอันชอบที่จะใช้ได้นั้น ถ้ามีบุคคลอื่นโต้แย้งหรือบุคคลผู้เป็นเจ้าของนามนั้นต้องเสื่อมเสียประโยชน์เพราะการที่มีผู้อื่นมาใช้นามเดียวกันโดยมิได้รับอำนาจให้ใช้ได้ บุคคลผู้เป็นเจ้าของนามจะเรียกให้บุคคลนั้นระงับความเสียหายก็ได้ ถ้าและเป็นที่พึงวิตกว่าจะต้องเสียหายอยู่สืบไปจะร้องขอต่อศาลให้สั่งห้ามก็ได้ สำหรับคดีนี้โจทก์เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าคำว่า “ซีแพค” เขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า CPAC มิได้ใช้ชื่อซีแพคเป็นนามบุคคลหรือนิติบุคคลส่วนจำเลยจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดชื่อบริษัทซีแพค จำกัด หรือเขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า SEAPAC กรณีจึงมิใช่จำเลยใช้นามเดียวกันกับโจทก์ โดยมิได้รับอำนาจเพราะคำว่าซีแพคไม่ใช่นามของโจทก์ ทั้งชื่อของจำเลยที่เขียนเป็นภาษาอังกฤษก็แตกต่างจากเครื่องหมายการค้าของโจทก์และไม่ปรากฎว่าการใช้นามของจำเลยทำให้โจทก์ต้องเสื่อมเสียประโยชน์แต่ประการใดดังที่บัญญัติไว้ในกฎหมายดังกล่าวข้างต้น ประกอบกับจำเลยไม่ได้นำชื่อเครื่องหมายการค้าคำว่าซีแพคไปใช้เป็นชื่อเครื่องหมายการค้าของจำเลย การที่จำเลยนำเอาชื่อเครื่องหมายของโจทก์มาเป็นชื่อของจำเลยจึงเป็นไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ ไม่มีเหตุที่จะห้ามจำเลยใช้นามของจำเลย ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาต้องกันมานั้นชอบแล้ว”
พิพากษายืน

Share