คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1601/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ผู้ตายถือมีดดาบติดตัวเข้าไปในโรงเรียนซึ่งอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของจำเลย เมื่อจำเลยห้ามปราม ผู้ตายไม่เชื่อฟังกลับใช้มีดดาบฟันศีรษะจำเลยจนได้รับบาดเจ็บมีโลหิตไหล จำเลยแย่งมีดดาบจากผู้ตายได้แล้วเดินออกจากโรงเรียนเพื่อจะไปแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจ ผู้ตายมาดักขอโทษจำเลยในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจำเลยไม่ยอมยกโทษให้ผู้ตาย และได้ใช้มีดดาบที่ถืออยู่ในมือฟันผู้ตายถึงแก่ความตาย การกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันสิทธิตามกฎหมาย เพราะภยันตรายผ่านพ้นไปแล้ว และไม่มีภยันตรายที่ใกล้จะถึงอีก แต่การที่จำเลยใช้มีดฟันผู้ตายหลังจากเกิดเหตุในตอนแรกแล้วประมาณ 3-4 นาที ซึ่งเป็นระยะเวลาต่อเนื่องกระชั้นชิดในขณะที่โทสะยังรุนแรงอยู่ อันเนื่องมาจากถูกผู้ตายข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมเช่นนี้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์และโจทก์ร่วมอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า การกระทำของจำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 72 จำคุก 5 ปี ริบมีดของกลาง จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า หลังจากผู้ตายใช้มีดดาบฟันศีรษะจำเลยที่โรงเรียนแล้ว จำเลยได้ถือมีดดาบของผู้ตายซึ่งแย่งมาได้เดินออกจากโรงเรียนเพื่อจะไปแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจ ผู้ตายได้มาดักจำเลยระหว่างทางเพื่อจะขอโทษจำเลยในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยผู้ตายไม่มีอาวุธติดตัวมาด้วยจำเลยไม่ยอมยกโทษให้ผู้ตายและได้ใช้มีดดาบที่ถืออยู่ในมือฟันผู้ตายถึงแก่ความตายในขณะนั้น พฤติการณ์แห่งคดีเช่นนี้ จะฟังว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันสิทธิตามกฎหมายหาได้ไม่เพราะภยันตรายที่จำเลยได้รับคือถูกผู้ตายใช้มีดดาบฟันที่ศีรษะที่โรงเรียนได้ผ่านพ้นไปแล้ว และไม่มีภยันตรายที่ใกล้จะถึงอีกส่วนที่ว่าการกระทำของจำเลยจะเป็นความผิดฐานฆ่าผู้ตายเพราะบันดาลโทสะหรือไม่นั้น เห็นว่า การที่ผู้ตายถือมีดดาบติดตัวเข้าไปในโรงเรียนซึ่งจำเลยเป็นครูเวรและได้ทำลายทรัพย์สินของโรงเรียนซึ่งอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของจำเลย เมื่อจำเลยห้ามปราม ผู้ตายไม่เชื่อฟังกลับใช้มีดดาบฟันศีรษะจำเลยจนได้รับบาดเจ็บมีโลหิตไหลแล้วจำเลยได้ถือมีดดาบของผู้ตายออกจากโรงเรียนเพื่อไปแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจ เมื่อพบผู้ตายมาดักอยู่ จำเลยก็ใช้มีดดังกล่าวฟันผู้ตายถึงแก่ความตาย ซึ่งเห็นได้ว่าการที่จำเลยใช้มีดฟันผู้ตายหลังจากเกิดเหตุในตอนแรกแล้วประมาณ 3-4 นาทีซึ่งเป็นระยะเวลาต่อเนื่องกระชั้นชิดในขณะที่โทสะยังรุนแรงอยู่อันเนื่องมาจากถูกผู้ตายข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมเช่นนี้ การกระทำของจำเลยจึงถือได้ว่าเป็นบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานฆ่าผู้ตายเพราะบันดาลโทสะและลงโทษมานั้นชอบด้วยรูปคดีแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share