แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามใบตอบรับไปรษณีย์ระบุว่า ส่งหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อของโจทก์ถึงจำเลยที่ 1 ที่บ้านพักนายตำรวจสถานีตำรวจทางหลวงบางปะกง แต่จำเลยที่ 1 ได้ย้ายไปประจำที่อื่นก่อนที่จะได้มีการส่งหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อ การส่งหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อแก่จำเลยที่ 1 จึงไม่ชอบ ดังนั้น เมื่อตามคำฟ้องของโจทก์มีความมุ่งหมายที่จะบังคับให้จำเลยที่ 1รับผิดต่อโจทก์อันเป็นผลที่เนื่องมาจากการบอกเลิกสัญญา แต่ปรากฏว่าการบอกเลิกสัญญากระทำโดยไม่ชอบ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 และแม้โจทก์จะได้มีหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อแก่จำเลยที่ 2 แล้วก็ตาม แต่จำเลยที่ 2 มีฐานะเป็นผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 1 โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2 ด้วยเช่นกัน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ ได้ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์จากโจทก์ในราคา๒๑๕,๖๐๔ บาท ตกลงชำระค่าเช่าซื้อเดือนละ ๕,๙๘๙ บาท รวม ๓๖ เดือน จำเลยที่ ๒ทำสัญญาค้ำประกันการชำระหนี้ของจำเลยที่ ๑ โดยยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม จำเลยที่ ๑ได้ชำระเงินค่าเช่าซื้อแก่โจทก์รวม ๘ เดือน แล้วผิดนัดไม่ชำระเงินค่าเช่าซื้อนับแต่งวดเดือนสิงหาคม ๒๕๒๖ เป็นต้นไป โจทก์ได้บอกเลิกสัญญากับจำเลยทั้งสอง จำเลยที่ ๑ ต้องส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนโจทก์ แต่จำเลยที่ ๑ เพิกเฉย ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนให้แก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อย หากคืนไม่ได้ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ราคารถยนต์เป็นเงิน ๑๖๗,๖๙๒ บาทแก่โจทก์ และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน ๕๒,๐๐๐ บาท กับใช้ค่าเสียหายเดือนละ๒,๐๐๐ บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยทั้งสองจะได้ส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อหรือใช้ราคารถยนต์แทนแก่โจทก์
จำเลยที่ ๑ ให้การว่า จำเลยที่ ๑ ได้ซื้อรถยนต์ราคา ๒๐๐,๐๐๐ บาทจากห้างหุ้นส่วนจำกัดบูรพามอเตอร์ไทย จำเลยที่ ๑ ได้ใช้ราคาให้แก่ผู้ขายแล้ว ๖๐,๐๐๐ บาทส่วนราคาที่เหลืออีก ๑๔๐,๐๐๐ บาท ผู้ขาย จำเลยที่ ๑ และโจทก์ตกลงกันให้โจทก์เป็นผู้ชำระให้แก่ผู้ขายแทนจำเลยที่ ๑ โดยให้จำเลยที่ ๑ เสียดอกเบี้ยให้แก่โจทก์คิดรวมกับราคารถยนต์ที่โจทก์ชำระแทนจำเลยที่ ๑ รวมเป็นเงิน ๒๑๕,๖๐๔ บาท ผ่อนชำระให้โจทก์รวม ๓๖ เดือนเดือนละ ๕,๙๘๙ บาท และให้จำเลยที่ ๒ เป็นผู้ค้ำประกัน โดยให้จำเลยที่ ๑ ยอมให้ผู้ขายโอนทะเบียนรถยนต์ใส่ชื่อโจทก์เป็นผู้ซื้อไว้แทนจำเลยที่ ๑ และโจทก์ให้จำเลยทั้งสองทำนิติกรรมกับโจทก์ในรูปสัญญาเช่าซื้อและสัญญาค้ำประกัน ข้อตกลงดังกล่าวข้างต้นเป็นไปในลักษณะโจทก์ให้จำเลยที่ ๑ กู้ยืมเงิน และให้จำเลยที่ ๒ ค้ำประกันการกู้ยืมเงินดังกล่าว สัญญาเช่าซื้อกับสัญญาค้ำประกันเป็นนิติกรรมอำพรางการกู้เงินของจำเลยที่ ๑ จากโจทก์ จึงตกเป็นโมฆะหนังสือบอกกล่าวของทนายโจทก์ไม่มีผลบังคับจำเลยทั้งสองได้ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องคดีนี้จำเลยที่ ๑ ไม่เคยได้รับหนังสือบอกกล่าวของทนายโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๒ ขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันส่งมอบรถยนต์พิพาทให้แก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อยใช้การได้ดี หากส่งมอบคืนไม่ได้ให้ร่วมกันชำระราคาเป็นเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาทและในกรณีส่งมอบรถยนต์พิพาท ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าเสียหายแก่โจทก์จำนวน๓๙,๐๐๐ บาท กับค่าเสียหายเดือนละ ๑,๕๐๐ บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้อง (๙ พฤศจิกายน๒๕๒๘) จนกว่าจำเลยทั้งสองจะส่งมอบรถยนต์พิพาทให้แก่โจทก์
โจทก์และจำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า หากจำเลยทั้งสองส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อไม่ได้ให้ร่วมกันชำระราคา ๑๐๘,๘๘๘.๘๐ บาท แก่โจทก์ และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ ๕๒,๐๐๐ บาท กับค่าเสียหายเดือนละ ๒,๐๐๐ บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยทั้งสองจะส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนหรือจนกว่าจะชำระราคารถยนต์แก่โจทก์นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า จำเลยที่ ๑ ไม่เคยได้รับหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อจากโจทก์ ศาลฎีกาเห็นว่า ตามใบตอบรับไปรษณีย์ระบุว่าส่งหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อถึงจำเลยที่ ๑ ที่บ้านพักนายตำรวจสถานีตำรวจทางหลวงบางปะกง ตำบลบางปะกง อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา แต่ปรากฏตามเอกสารหมาย ล.๕, ล.๖, ล.๗ และ ล.๘ ว่า จำเลยที่ ๑ ได้ย้ายไปประจำที่อื่นก่อนที่จะได้มีการส่งหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อแล้ว การส่งหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อแก่จำเลยที่ ๑จึงไม่ชอบ ดังนั้น เมื่อตามคำฟ้องของโจทก์มีความมุ่งหมายที่จะบังคับให้จำเลยที่ ๑ รับผิดต่อโจทก์อันเป็นผลที่เนื่องมาจากการบอกเลิกสัญญา แต่ปรากฏว่าการบอกเลิกสัญญากระทำโดยไม่ชอบดังวินิจฉัยมาแล้ว โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ ๑ และแม้โจทก์จะได้มีหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อแก่จำเลยที่ ๒ แล้วก็ตาม แต่จำเลยที่ ๒ มีฐานะเป็นผู้ค้ำประกันจำเลยที่ ๑ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ ๒ ด้วยเช่นกัน
พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์.