แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ย่อยาว
ได้ความว่าโจทย์จำเลยพิพาทกันเรื่องที่ดินแปลงหนึ่งซึ่งอยู่ที่ตำบลพระเสื้อเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช ฯ
โจทย์ฟ้องอ้างว่าที่วิวาทแปลงนี้เปนของโจทย์ แลเมื่อ ๙ ปีมาแล้วหมานจำเลยได้ขออาศรัยโจทย์ปลูกเรือนอยู่ บัดนี้จำเลยคบคิดกันแย่งกรรมสิทธิที่ของโจทย์ จึงขอให้ขับไล่จำเลย ฯ
จำเลยให้การต่อสู้ว่า ที่วิวาทแปลงนี้เปนของนางลิบาจำเลย หาใช่ที่ของโจทย์ไม่ ฯ
ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชพิจารณาฟังว่า นายหมานจำเลยได้ขออาศรัยอยู่ในที่รายนี้ของโจทย์ จึงพิพากษาขับไล่นายหมานจำเลยให้ออกจากที่รายนี้ไป แลห้ามไม่ให้นางลิบาจำเลยเข้ามาเกี่ยวข้องในที่รายนี้ ฯ
จำเลยอุทธรณ ศาลอุทธรณข้าหลวงพิเศษเห็นว่า ที่วิวาทไม่ใช่เปนที่โจทย์ แลฟังไม่ได้ว่านายหมานจำเลยได้อาศรัยโจทย์ จึงพิพากษากลับคำพิพากษาเดิม ให้ยกฟ้องโจทย์ ฯ
โจทย์ทูลเกล้า ฯ ถวายฎีกา คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณข้าหลวงพิเศษในข้อเท็จจริง ฯ
กรรมการศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนแล้ว เห็นว่าทางพิจารณาฟังได้ว่าที่วิวาทกันนี้เปนที่ซึ่งบิดามารดานางลิบาจำเลยอยู่ปกครองสืบเรื่องกันมาช้านานแล้ว คำพยานของโจทย์ในข้อที่ว่านายหมานจำเลยอาศรัยโจทย์นั้นฟังไม่ได้ โจทย์ไม่มีพยานแลหลักฐานอย่างใดที่จะอ้างว่าเปนที่ของตน ที่ศาลอุทธรณข้าหลวงพิเศษวินิจฉัยมานั้นชอบด้วยทางพิจารณาแล้ว ให้ยกฎีกาโจทย์เสีย ให้โจทย์เสียค่าทนายชั้นศาลฎีกานี้ใช้ให้แก่จำเลยเปนเงิน ๕๐ บาทด้วย ฯ
วันที่ ๓ กรกฎาคม พระพุทธศักราช ๒๔๖๓