แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ผู้ตายถูกกระสุนปืนถึงแก่ความตายเนื่องจากจำเลยทั้งสองเป็นผู้ยิงแต่ไม่อาจระบุได้ว่าจำเลยคนใด แม้จะฟังว่าจำเลยคนใดคนหนึ่งเป็นผู้ยิง แต่การที่จำเลยทั้งสองต่างก็มีอาวุธปืนอาก้าไปร่วมชิงทรัพย์ ส่อให้เห็นเจตนาของจำเลยทั้งสองว่าถ้ามีเหตุการณ์คับขันเกิดขึ้นในการชิงทรัพย์ จำเลยทั้งสองจะใช้อาวุธปืนยิงผู้ที่ต่อสู้หรือขัดขวางปรากฏว่าจำเลยทั้งสองอยู่ด้วยกัน เมื่อยิงแล้วก็วิ่งไปขึ้นรถจักรยานยนต์ขับขี่หลบหนีไปด้วยกันโดยได้ยิงปืนอีก 1 ชุด พฤติการณ์ดังกล่าวฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้ขัดขวางและยิงผู้ตายโดยเจตนาฆ่า.(ที่มา-ส่งเสริม)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองกระทำผิดกฎหมายหลายกรรมต่างกัน ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 339, 340 ตรี, 289140, 83, 91, 92 และริบรถจักรยานยนต์และปลอกกระสุนปืนอาก้าของกลาง คืนเครื่องรับวิทยุกระเป๋าใส่เงิน ชุดพราง กางเกง เสื้อ และปลอกกระสุนปืนขนาด 11 มม. แก่เจ้าของและเพิ่มโทษจำเลยทั้งสองตามกฎหมาย กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนมูลค่า 7,208 บาทแก่ผู้เสียหาย
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธแต่รับว่าเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดและพ้นโทษมาจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 339 วรรคหนึ่ง ประกอบด้วยมาตรา 340 ตรี,140, 289(2) การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท เรียงกระทงลงโทษ ฐานชิงทรัพย์โดยมีอาวุธปืนโดยแต่กายให้เข้าใจว่าเป็นทหาร และใช้ยานพาหนะเพื่อให้พ้นจากการจับกุม จำคุกคนละ 7 ปี 6 เดือน และฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักกานโดยใช้อาวุธปืนและฐานฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติการตามหน้าที่ให้ประหารชีวิตจำเลยทั้งสอง เมื่อลงโทษประหารชีวิตจำเลยทั้งสองแล้ว จึงไม่อาจเพิ่มโทษจำเลยฐานไม่เข็ดหลาบและไม่อาจนำโทษจำคุกจำเลยทั้งสองฐานชิงทรัพย์มาเรียงกระทงลงโทษได้จึงคงให้ลงโทษประหารชีวิตจำเลยทั้งสองสถานเดียว ริบรถจักรยานยนต์และปลอกกระสุนปืนอาก้าของกลาง คืนวิทยุ กระเป๋าใส่เงิน ชุดพรางกางเกง เสื้อ และปลอกกระสุนปืนขนาด 11 มม. แก่เจ้าของ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนมูลค่า 7,208บาท แก่ผู้เสียหาย คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่าตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามที่โจทก์ฟ้อง มีคนร้าย 2 คน ซึ่งต่างก็มีอาวุธปืนยาวติดตัวได้ร่วมกันชิงทรัพย์ของนายสุดใจ สิทธิผล ผู้เสียหายไปรวมราคาทรัพย์ 9,208 บาท และขณะที่คนร้ายกำลังจะหลบหนีไปจากบ้านผู้เสียหาย นายดาบตำรวจนพดลคันภ์พิภพ เจ้าพนักงานตำรวจจะจับกุมคนร้ายทั้งสอง เป็นเหตุให้นายดาบตำรวจนพดล ถูกกระสุนปืนถึงแก่ความตาย ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสองมีว่า จำเลยทั้งสองเป็นคนร้ายนี้หรือไม่……….พยานหลักฐานโจทก์บ่งชี้ว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันชิงทรัพย์ผู้เสียหายจริงดังที่โจทก์ฟ้อง……………ปัญหาต่อไปมีว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันต่อสู้ขัดขวางและยิงผู้ตายในขณะปฏิบัติการตามหน้าที่โดยเจตนาฆ่าดังที่โจทก์ฟ้องหรือไม่ ข้อเท็จจริงบ่งชี้ชัดว่าผู้ตายถูกกระสุนปืนถึงแก่ความตายเนื่องจากจำเลยทั้งสองเป็นผู้ยิงอย่างแน่นอนเป็นแต่ไม่อาจระบุได้ว่าจำเลยคนใดคนหนึ่งหรือจำเลยทั้งสองเป็นผู้ยิงเท่านั้น อย่างไรก็ดีถึงแม้จะฟังว่าจำเลยคนใดคนหนึ่งเป็นผู้ยิงแต่ผู้เดียว แต่การที่จำเลยทั้งสองต่างก็มีอาวุธปืนอาก้าไปร่วมชิงทรัพย์ด้วยกัน เป็นการส่อให้เห็นเจตนาของจำเลยทั้งสองว่าถ้ามีเหตุการณ์คับขันเกิดขึ้นไม่ว่าก่อนหรือขณะหรือภายหลังการชิงทรัพย์และไม่ว่าฝ่ายเจ้าทรัพย์หรือเจ้าพนักงานเป็นผู้ก่อขึ้น จำเลยทั้งสองจะใช้อาวุธปืนยิงผู้ที่ต่อสู้หรือขัดขวางทันทีและขณะที่ยิงก็ได้ความชัดว่าจำเลยทั้งสองอยู่ด้วยกัน เมื่อยิงแล้วก็พากันวิ่งไปขึ้นรถจักรยานยนต์ขับขี่หลบหนีไปด้วยกัน โดยได้ยิงปีน อีก 1 ชุดพฤติการณ์ดังกล่าวฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้ขัดขวางและยิงทำร้ายร่างกายผู้ตาย ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานกระทำการตามหน้าที่โดยเจตนาฆ่า จำเลยทั้งสองจึงมีความผิดดังที่โจทก์ฟ้อง………..’
พิพากษายืน.