แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีอาญา ในชั้นสอบถามและสอบสวน จำเลยคนหนึ่งได้ให้การว่าได้ลักทรัพย์ไปให้แก่จำเลยคนอื่น โดยได้รับสินจ้างรางวัลนั้น แม้เป็นคำผู้ร้ายซัดทอด แต่เป็นคำประกอบเหตุผลในทางคดีแสดงความจริงให้เห็นกระจ่างยิ่งขึ้น ศาลรับฟังลงโทษจำเลยได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยที่ 1, 2 ได้จ้างจำเลยที่ 3 ลักสำนวนคดีอาญาหมายเลขดำที่ 89/2491 ของศาลจังหวัดเลย และจำเลยที่ 3 ได้ฉีกเอกสารต่าง ๆ ในสำนวนดังกล่าวไป เพื่อให้สูญหายเสียเพื่อช่วยเหลือพลฯ วิจิตรกับพวกจำเลยมิให้ได้รับอาญาตามกฎหมายขอให้ลงโทษ จำเลยที่ 1, 2 ปฏิเสธ จำเลยที่ 3 รับว่าได้ลักเอกสารต่าง ๆ ตามที่โจทก์ฟ้องไปจริง แต่ยังคงยืนยันว่าลักไปเพื่อประโยชน์ตนเองไม่มีผู้ใดจ้างหรือใช้ให้ลัก ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลยทั้ง 3 คนละ 2 ปี ตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 64, 294(4) ลดโทษให้จำเลยที่ 3 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี
ศาลอุทธรณ์แก้ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1, 2
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยที่ 3 ให้การในชั้นสอบถามและสอบสวนว่าได้ลักเอาสำนวนความไปให้แก่จำเลยที่ 1, 2 โดยได้รับสินจ้างรางวัลแม้จะเป็นคำผู้ร้ายซัดทอด แต่ก็เป็นเหตุประกอบเหตุผลในคดี แสดงความจริงให้เห็นกระจ่างแจ่มใสยิ่งขึ้น คดีมีคำพยานหลักฐานและเหตุผลเพียงพอที่จะชี้ขาดลงโทษจำเลยที่ 1, 2 ได้
พิพากษาแก้ ให้บังคับคดีไปตามศาลชั้นต้น