แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พระราชบัญญัติอาวุธปืน (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2510 มาตรา 5 ซึ่งบัญญัติให้ผู้มีอาวุธปืนบางชนิดซึ่งยังมิได้รับอนุญาตโดยชอบด้วยกฎหมายมาขอรับอนุญาต เพื่อปฏิบัติการให้ถูกต้องตามกฎหมาย ภายในกำหนดเวลาโดยไม่ต้องรับโทษนั้นหมายความถึงอาวุธปืนที่ยังไม่ได้รับอนุญาตโดยชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น มิได้หมายความรวมถึงอาวุธปืนที่ได้รับอนุญาตโดยชอบด้วยกฎหมายอยู่แล้ว ฉะนั้นเมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยมีอาวุธปืนที่มีทะเบียนของผู้อื่นไว้ในความครอบครองโดยไม่รับอนุญาต ก็ไม่มีเหตุที่จะอ้างว่าจำเลยไม่ต้องรับโทษตามพระราชบัญญัติดังกล่าวได้
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2513)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจมีอาวุธปืนพกสั้นรีวอลเวอร์ขนาด .๓๒ เลขทะเบียน อ.บ. ๓๐๘ ใช้ยิงได้ ๑ กระบอก กระสุนปืน ๓ นัด ไว้ในความครอบครอง และใช้อาวุธปืนดังกล่าวติดตัวไปทำการลักทรัพย์ และขณะที่พวกเจ้าทรัพย์ติดตามได้ใช้อาวุธปืนยิงเจ้าทรัพย์ถึงแก่ความตาย ทั้งนี้เพื่อจะเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์จากการลักทรัพย์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๙, ๓๓๕ พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๗๒
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๓๓๕ พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๗๒ ให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ซึ่งเป็นกระทงหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ ให้จำคุกจำเลยมีกำหนด ๑๕ ปี จำเลยอายุเพียง ๑๗ ปี ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๕ คงจำคุกจำเลยไว้มีกำหนด ๗ ปี ๖ เดือน
จำเลยอุทธรณ์แต่เฉพาะข้อหาฐานฆ่าคนตายและลักทรัพย์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยมีความผิดฐานลักทรัพย์และฆ่าเจ้าทรัพย์ แต่ในข้อหาฐานมีอาวุธปืนเห็นว่าคดีมาสู่ศาลอุทธรณ์ในระยะเวลาที่พระราชบัญญัติอาวุธปืน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๐ มาตรา ๕ ใช้บังคับ ซึ่งจำเลยอาจปฏิบัติให้ถูกต้องตามพระราชบัญญัติดังกล่าวภายใน กำหนด ๙๐ วัน โดยไม่ต้องรับโทษ กฎหมายดังกล่าวเป็นกฎหมายที่ออกใช้ภายหลังเป็นคุณแก่ผู้กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒, ๓ และปัญหานี้เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนที่ศาลอาจหยิบยกขึ้นเองได้ พิพากษาแก้โดยให้ยกฟ้องในข้อหาพระราชบัญญัติอาวุธปืน
โจทก์ฎีกาว่าศาลอุทธรณ์ ไม่มีอำนาจยกฟ้องโจทก์ในข้อหาฐานกระทำผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ
ศาลฎีกาพิเคราะห์ปัญหานี้ โดยที่ประชุมใหญ่แล้วมีมติว่าพระราชบัญญัติอาวุธปืน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๐ มาตรา ๕ ซึ่งบัญญัติให้ผู้มีอาวุธปืนบางชนิดซึ่งยังมิได้รับอนุญาตโดยชอบด้วยกฎหมาย ถ้ามาขอรับอนุญาตเพื่อปฏิบัติการให้ถูกต้องตามกฎหมายว่าด้วยอาวุธปืนฯ ต่อนายทะเบียนท้องที่ภายในกำหนดเก้าสิบวัน นับแต่วันพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับแล้ว ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษนั้น หมายความถึงอาวุธปืนที่ยังไม่ได้รับอนุญาตโดยชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น มิได้หมายความรวมถึงอาวุธปืนที่ได้รับอนุญาตโดยชอบด้วยกฎหมายอยู่แล้ว เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นไว้ในความครอบครองโดยไม่รับอนุญาต จำเลยจึงจะนำอาวุธปืนนี้ไปขอรับอนุญาตไม่ได้ และจึงไม่มีเหตุที่จะอ้างไม่ต้องรับโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๐ มาตรา ๕ พิพากษาแก้ให้บังคับคดีตามศาลชั้นต้น