คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1591/2542

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีที่ศาลพิพากษาให้ยกฟ้องเพราะเหตุคดีไม่อยู่ในอำนาจศาล ต้องเป็นคดีที่ฟ้องในศาลที่ไม่มีเขตอำนาจตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ลักษณะ 2 หมวด 1 ส่วนฟ้องซ้อนเป็นกรณีที่เมื่อมีคดีอยู่ในระหว่างพิจารณาแล้วห้ามมิให้โจทก์ยื่นคำฟ้องเรื่องเดียวกันนั้นต่อศาลเดียวกันหรือศาลอื่นอีก ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 173 วรรคสอง (1) ฉะนั้น การที่ศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์เพราะเหตุเป็นการฟ้องซ้อน จึงหาใช่เป็นการพิพากษายกฟ้องเพราะเหตุคดีไม่อยู่ในอำนาจศาลไม่ ดังนั้นโจทก์จะอ้างการที่ศาลยกคำฟ้องเพราะเหตุดังกล่าวเพื่อการขยายอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/17 หาได้ไม่ ที่ศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีแพ่ง (คดีก่อน) เพราะโจทก์ไม่ไปศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ ศาลชั้นต้นจึงถือว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณา และเมื่อการที่โจทก์ขาดนัดพิจารณาเป็นความผิดของโจทก์ ดังนี้ การที่ศาลชั้นต้นได้ดำเนินกระบวนพิจารณาในคดีดังกล่าวต่อเนื่องจากการกระทำของโจทก์ ย่อมถือไม่ได้ว่าเป็นเหตุสุดวิสัย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 201 วรรคหนึ่งห้ามโจทก์มิให้อุทธรณ์คำสั่งจำหน่ายคดีเพราะโจทก์ขาดนัดพิจารณาการที่จำเลยอุทธรณ์คำสั่งจำหน่ายคดีเป็นการใช้สิทธิที่กฎหมายให้อำนาจไว้ ย่อมไม่เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตดังนั้น การที่คดีแพ่งยังไม่ถึงที่สุดเพราะจำเลยอุทธรณ์คำสั่งจำหน่ายคดี ทำให้โจทก์ทั้งสองฟ้องคดีนี้ไม่ได้นั้น จะถือว่าเป็นเหตุสุดวิสัยขัดขวางไม่ให้โจทก์ฟ้องคดีนี้ไม่ได้ คดีแพ่งที่โจทก์ฟ้องเรียกค่าว่าความจากจำเลยได้เสร็จไปโดยศาลสั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ จึงต้องถือว่าอายุความไม่เคยสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 193/17 วรรคหนึ่ง คดีแพ่งที่โจทก์ฟ้องเรียกค่าว่าความจากจำเลยอันเป็นมูลกรณีเดียวกับคดีก่อนที่ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีออกจาก สารบบความเพราะโจทก์ขาดนัดพิจารณานั้น เมื่อศาลพิพากษา ยกคำฟ้องเพราะเหตุเป็นคดีฟ้องซ้อน จึงต้องถือว่าอายุความ เกี่ยวกับคดีหลังนี้ไม่เคยสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/17 เช่นเดียวกัน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบความเพราะเหตุที่โจทก์ขาดนัดพิจารณา ย่อมไม่ตัดสิทธิของโจทก์ ที่จะเสนอคำฟ้องใหม่ภายใต้บังคับบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ว่าด้วยอายุความ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 201 วรรคหนึ่ง ศาลจึงไม่จำต้องระบุว่าไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องคดีใหม่อีก แต่โจทก์ก็ต้องฟ้องคดีใหม่ภายในกำหนดอายุความเสียให้ถูกต้อง เมื่อศาลไม่ระบุในคำพิพากษา ว่าให้ยกคำฟ้องโดยไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องใหม่โจทก์จึงไม่ได้รับประโยชน์ในการที่จะนำคดีมาฟ้องใหม่ภายในหกสิบวันนับแต่วันที่คำพิพากษาถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/17 วรรคสอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองเคยฟ้องเรียกค่าว่าความจากจำเลยแต่ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีด้วยเหตุโจทก์ขาดนัดพิจารณาเป็นคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 321/2535 ของศาลชั้นต้น โจทก์ทั้งสองได้ฟ้องจำเลยด้วยมูลกรณีเดียวกันนี้เป็นคดีใหม่ซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องด้วยเหตุฟ้องซ้อนเป็นคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 447/2535 ของศาลชั้นต้นคดีถึงที่สุดโดยศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น คำพิพากษาศาลฎีกาได้อ่านเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2538 ก่อนที่คดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 447/2535 ของศาลชั้นต้นถึงที่สุด โจทก์ทั้งสองไม่สามารถใช้สิทธิฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ได้เพราะยังมีการฟ้องร้องกันอยู่ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 447/2535 ของศาลชั้นต้นอันเป็นเหตุสุดวิสัยมาขัดขวางเมื่อคดีดังกล่าวถึงที่สุดแล้วโจทก์ทั้งสองจึงฟ้องคดีนี้ได้ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่คดีดังกล่าวถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/19 และการที่ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 447/2535 ของศาลชั้นต้นไม่ตัดสิทธิโจทก์ทั้งสองที่จะฟ้องเป็นคดีนี้ใหม่ภายใน 60 วันนับแต่วันที่คดีดังกล่าวถึงที่สุดตามมาตรา 193/17 ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินแก่โจทก์ทั้งสอง 151,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันผิดนัดจนกว่าชำระเสร็จ ดอกเบี้ยถึงวันฟ้องเป็นเงิน 53,025 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 204,525 บาท
จำเลยให้การต่อสู้คดี ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ทั้งสองประการแรกมีว่า คำพิพากษายกฟ้องเพราะเป็นคดีฟ้องซ้อนถือได้ว่าเป็นการยกคำฟ้องเพราะคดีไม่อยู่ในอำนาจศาลหรือไม่ เห็นว่าคดีที่ศาลพิพากษาให้ยกฟ้องเพราะเหตุคดีไม่อยู่ในอำนาจศาลต้องเป็นคดีที่ฟ้องในศาลที่ไม่มีเขตอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งลักษณะ 2 หมวด 1 ส่วนฟ้องซ้อนเป็นกรณีที่เมื่อมีคดีอยู่ในระหว่างพิจารณาแล้วห้ามมิให้โจทก์ยื่นคำฟ้องเรื่องเดียวกันนั้นต่อศาลเดียวกันหรือศาลอื่นอีก ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 173 วรรคสอง (1) ฉะนั้นการที่ศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 447/2535 ของศาลชั้นต้นเพราะเหตุเป็นการฟ้องซ้อนซึ่งต้องห้ามไม่ให้โจทก์ฟ้อง หาใช่เป็นการพิพากษายกฟ้องเพราะเหตุคดีไม่อยู่ในอำนาจศาลไม่ โจทก์จะอ้างเอาการที่ศาลยกคำฟ้องในคดีดังกล่าวเพื่อการขยายอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 193/17 หาได้ไม่
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ทั้งสองประการที่สองมีว่าการที่โจทก์ทั้งสองต้องห้ามไม่ให้ยื่นฟ้องคดีนี้เพราะเป็นการฟ้องซ้อนกับคดีเดิมถือว่ามีเหตุสุดวิสัยมาขัดขวางมิให้โจทก์ทั้งสองฟ้องคดีนี้หรือไม่ เห็นว่า การที่ศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 321/2535 ของศาลชั้นต้นเพราะโจทก์ทั้งสองไม่ไปศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ถือว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณา การที่โจทก์ทั้งสองขาดนัดพิจารณาเป็นความผิดของโจทก์ทั้งสองที่ไม่ไปศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ การที่ศาลได้ดำเนินกระบวนพิจารณาในคดีดังกล่าวต่อเนื่องจากการกระทำของโจทก์ทั้งสองถือเป็นเหตุสุดวิสัยหาได้ไม่ส่วนที่โจทก์ทั้งสองอ้างว่าจำเลยใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์คดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 321/2535 ของศาลชั้นต้นโดยไม่สุจริต เป็นเหตุให้คดีที่โจทก์ทั้งสองฟ้องใหม่คือคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 447/2535ของศาลชั้นต้นเป็นฟ้องซ้อนนั้น ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 201 วรรคหนึ่ง คงห้ามโจทก์มิให้อุทธรณ์คำสั่ง จำหน่ายคดีเพราะโจทก์ขาดนัดพิจารณา การที่จำเลยอุทธรณ์เป็นการใช้สิทธิที่กฎหมายให้อำนาจไว้ ไม่เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต การที่คดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 447/2535 ของศาลชั้นต้นยังไม่ถึงที่สุดทำให้โจทก์ทั้งสองฟ้องคดีนี้ไม่ได้เพราะจะเป็นฟ้องซ้อนนั้นจะถือว่าเป็นเหตุสุดวิสัยขัดขวางไม่ให้โจทก์ทั้งสองฟ้องคดีนี้ไม่ได้เพราะสาเหตุที่แท้จริงของเรื่องทั้งหมดเกิดจากการที่โจทก์ทั้งสองไม่ไปศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 321/2535ของศาลชั้นต้น ทั้งที่โจทก์ที่ 1 และนายสุทิน จันทสะโร ทนายโจทก์ทั้งสองในคดีดังกล่าวลงลายมือชื่อทราบนัดไว้แล้วในรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นลงวันที่ 25 พฤษภาคม 2535 จึงไม่ใช่เหตุอันจะเกิดขึ้นหรือจะให้ผลพิบัติที่ไม่อาจป้องกันได้
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ทั้งสองประการที่สามมีว่าการที่โจทก์ทั้งสองฟ้องเรียกค่าว่าความจากจำเลยภายในกำหนดอายุความมาแต่เริ่มแรกทำให้อายุความสะดุดหยุดลงหรือไม่ เห็นว่าคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 321/2535 ของศาลชั้นต้นที่โจทก์ทั้งสองฟ้องเรียกค่าว่าความจากจำเลยนั้นได้เสร็จไปโดยศาลสั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ จึงต้องถือว่าอายุความไม่เคยสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/17 วรรคหนึ่ง ส่วนคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 447/2535 ของศาลชั้นต้นที่โจทก์ทั้งสองฟ้องเรียกค่าว่าความจากจำเลย อันเป็นมูลกรณีเดียวกับคดีแรกนั้น ศาลพิพากษายกคำฟ้องเพราะเหตุเป็นคดีฟ้องซ้อนซึ่งเป็นคดีต้องห้ามไม่ให้โจทก์ทั้งสองฟ้องซ้อนกับคดีเดิม ต้องถือว่าอายุความเกี่ยวกับคดีนี้ไม่เคยสะดุดหยุดลงตามบทกฎหมายดังกล่าวเช่นเดียวกัน
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ทั้งสองประการสุดท้ายมีว่า ศาลได้ยกฟ้องคดีเดิมโดยไม่ตัดสิทธิโจทก์ทั้งสองจะฟ้องคดีใหม่อันจะเป็นเหตุให้โจทก์ทั้งสองมีสิทธิฟ้องคดีนี้ภายในหกสิบวันนับแต่วันที่คำพิพากษาคดีเดิมถึงที่สุดหรือไม่ เห็นว่า ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 321/2535 ของศาลชั้นต้นศาลจำหน่ายคดีออกจากสารบบความเพราะเหตุที่โจทก์ขาดนัดพิจารณาเป็นคำสั่งที่ไม่ตัดสิทธิของโจทก์ทั้งสองที่จะเสนอคำฟ้องใหม่ภายใต้บังคับบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยอายุความ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 201 วรรคหนึ่ง จึงไม่จำเป็นต้องระบุว่าไม่ตัดสิทธิโจทก์ทั้งสองที่จะฟ้องคดีใหม่ แต่โจทก์ทั้งสองก็ต้องฟ้องคดีใหม่ภายในกำหนดอายุความเสียให้ถูกต้อง ส่วนคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 447/2535 ของศาลชั้นต้นนั้นเมื่อศาลไม่ระบุในคำพิพากษาว่าให้ยกคำฟ้องโดยไม่ตัดสิทธิโจทก์ทั้งสองที่จะฟ้องใหม่ โจทก์ทั้งสองจึงไม่ได้รับประโยชน์ในการที่จะนำคดีมาฟ้องใหม่ภายในหกสิบวันนับแต่วันที่คำพิพากษาถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 193/17 วรรคสอง
พิพากษายืน

Share