แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในคดีสองสำนวน โจทก์จำเลยต่างผลัดกันเป็นโจทก์ร้องฟ้องกันเกี่ยวกับที่พิพาทรายเดียวกัน แต่คดีหลังฟ้องเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใหม่ ดังนี้ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
ที่พิพาทเป็นที่มือเปล่า แม้จำเลยจะรับว่าโจทก์ได้เข้าทำนาในที่พิพาทมาเกิน 1 ปีแล้ว แต่ปรากฏว่าในคดีอีกสำนวนหนึ่ง(ระหว่างโจทก์กับจำเลยในคดีนี้) โจทก์แถลงต่อศาลว่าจะออกจากที่พิพาทไป ดังนี้ถือว่าโจทก์ได้สละการครอบครอง ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1377 แล้ว โจทก์กลับมาแย่งการครอบครองใหม่ จำเลยจึงฟ้อง(แย้ง) เมื่อนับแต่วันโจทก์แถลงสละการครอบครองจนถึงวันจำเลยฟ้องแย้งยังไม่เกิน 1 ปี คดีของจำเลยจึงยังไม่ขาดอายุความ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าที่พิพาท 20 ไร่เป็นของโจทก์เมื่อเดือน พฤศจิกายน2497 ศาลจังหวัดฉะเชิงเทราได้ออกหมายเรียกโจทก์มาศาลโดยจำเลยกล่าวหาว่าโจทก์บุกรุกที่ดินของจำเลย ซึ่งชนะคดีบุคคลอื่นตามสำนวนแพ่งแดงที่ 16/2494 และที่ 76/2495 จำเลยขอให้ศาลเรียกโจทก์ไปขอให้ศาลบังคับออกจากที่ดิน ศาลสั่งว่าเมื่อโจทก์เป็นเจ้าของก็ชอบที่จะฟ้องร้องเป็นคดีขึ้นมาใหม่ ในชั้นนี้ให้โจทก์ออกไปภายใน15 วัน โจทก์จึงมาฟ้องเป็นคดีนี้ขึ้น ที่พิพาทเป็นของโจทก์ คดีแพ่งแดงที่ 16/2494 ศาลไม่ได้ชี้ขาดว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย จำเลยกลับจงใจปิดบังอำพรางและฉวยโอกาสนำคดีมาฟ้องศาลในที่ดินแปลงเดียวกัน ทำให้ศาลหลงเชื่อผิดความจริง คำพิพากษาคดีแพ่งแดงที่ 76/2495 เป็นคำพิพากษาในคดีที่เป็นฟ้องซ้ำไม่มีผลบังคับจำเลยจะถือว่าเป็นเจ้าของที่พิพาทตามคำพิพากษาในคดีแดงที่ 76/2495 ไม่ได้ ขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนคดีพิพากษาคดีแพ่งแดงที่ 76/2495 และแสดงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้อง
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ ปี 2492นางแปลกฟ้องขับไล่จำเลย ศาลพิพากษายกฟ้องตามคดีแพ่งแดงที่ 16/2494 ปี พ.ศ. 2495 จำเลยฟ้องขับไล่นางแปลก และขอให้ศาลแสดงว่าที่ดินแปลงนี้เป็นของจำเลย ศาลขับไล่นางแปลกและสั่งว่าที่ดินแปลงนี้เป็นของจำเลยตามคดีแพ่งแดงที่ 76/2495 ในปี พ.ศ. 2496 โจทก์ในคดีนี้กับพวกบุกรุกเข้าไปในที่พิพาท จำเลยขอให้ศาลเรียกโจทก์กับพวกมาห้ามปราม โจทก์กับพวกแถลงต่อศาลเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2496รับว่าจะไม่เกี่ยวข้องในที่ดินแปลงนี้อีก แต่ในปี พ.ศ. 2497 โจทก์ก็ยังบุกรุกเข้าแย่งทำนาแปลงนี้อีก ทำให้จำเลยเสียหายขาดประโยชน์ในปี พ.ศ. 2497คิดเป็นเงิน 1,540 บาท และปีต่อ ๆ ไปปีละ 1,540 บาท โจทก์เพิ่งเข้าแย่งการครอบครองเมื่อปี 2496 และ 2497 โจทก์ไม่มีสิทธิยกเรื่องการฟ้องซ้ำมาเป็นข้ออ้างในคดีนี้ ขอให้ศาลขับไล่จำเลยและบริวารและให้ใช้ค่าเสียหายดังกล่าว
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งตามฟ้องเดิมของโจทก์ และตัดฟ้องว่าฟ้องแย้งของจำเลยขาดอายุความแล้ว
ศาลล่างทั้ง 2 พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ ห้ามมิให้โจทก์และบริวารเข้าเกี่ยวข้องที่รายพิพาท ฯลฯ กับให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายปี พ.ศ. 2497 เป็นเงิน 1,540 บาทและปีต่อไปอีกปีละ 1,540 บาท จนกว่าโจทก์จะออกจากที่พิพาท ฯลฯ
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยข้อโต้แย้งโจทก์ที่ว่าจำเลยฟ้องคดีแดงที่ 76/2495 ซ้ำกับคดีแดงที่16/2494 คำพิพากษาในคดีหลัง (แดงที่ 76/2495) ใช้ไม่ได้เพราะเป็นการฟ้องซ้ำกันนั้น เห็นว่าคู่ความในคดีแดงที่ 16/2494 โดยเฉพาะระหว่างนางแปลกกับจำเลยต่างฝ่ายต่างอ้างว่าที่รายพิพาทเป็นของตนเมื่อศาลพิพากษายกฟ้องนางแปลกแล้วก็ไม่จำต้องชี้ขาดว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยเพราะจำเลยไม่ได้ฟ้องแย้ง และการที่จำเลยฟ้องนางแปลกตามคดีแดงที่ 76/2495 จำเลยก็ฟ้องว่านางแปลกคุมพรรคพวกเข้ามาแย่งทำนาในที่พิพาทเมื่อปี พ.ศ. 2494 ศาลชั้นต้นพิพากษาคดีแดงที่ 16/2494 เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2494 ยังไม่ถึงฤดูทำนาในปีนั้น ฟ้องของจำเลยเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใหม่ในภายหลังหาเป็นเรื่องฟ้องซ้ำไม่
ส่วนที่เกี่ยวกับอายุความนั้น ที่โจทก์อ้างว่าในคำให้การจำเลยรับว่าโจทก์เข้าทำนาในที่พิพาทตั้งแต่ปี พ.ศ. 2496 ฟ้องแย้งของจำเลยในคดีนี้ (โจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2497) เกินกว่า 1 ปีแล้ว ฟ้องแย้งของจำเลยจึงขาดอายุความแล้วนั้น เห็นว่าโจทก์จะนับเอาการทำนาปี พ.ศ. 2496 มาตัดสิทธิจำเลยหาได้ไม่ เพราะถึงแม้คำแถลงของโจทก์ที่ว่าไม่ได้ทำในที่ดินของจำเลยจะเป็นเท็จแต่โจทก์ก็รับรองต่อศาล (ในคดีแพ่งแดงที่ 76/2495) ว่าจะไม่เข้าเกี่ยวข้องในที่นาของจำเลยอีกต่อไป ดังนี้ถือได้ว่าโจทก์ได้สละการครอบครองแล้วตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1377 โจทก์กลับเข้าแย่งทำนาในปี พ.ศ. 2497 อีก จำเลยก็มาร้องต่อศาลอีกและเกิดฟ้องร้องกันในปีนี้ คดีของจำเลยไม่ขาดอายุความ ค่าเสียหายศาลล่างวินิจฉัยมาชอบแล้ว พิพากษายืน