คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 701/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้รับจ้างทำการก่อสร้างบางอย่างผิดจากสัญญาแต่ผู้ว่าจ้างก็รับเอาผลงานนั้น และจ่ายค่าจ้างไปแล้วโดยไม่ทักท้วงผู้ว่าจ้างจะกลับกล่าวหาว่าผู้รับจ้างทำผิดสัญญาไม่ได้
ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาก่อสร้างอาคาร ตามสำเนาท้ายฟ้องจำเลยทำผิดสัญญาตามรายการในเอกสารหมาย ค. คำขอท้ายฟ้องข้อหนึ่งขอเรียกค่าเสียหายเพราะใช้ไม้ผิดประเภท 20,000 บาทแต่ในเอกสารหมาย ค. ไม่มีระบุถึงการใช้ไม้ผิดประเภทนี้ศาลไม่ให้ค่าเสียหายในฐานนี้

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2495 โจทก์ได้ตกลงทำสัญญาจ้างจำเลยที่ 2 ให้รับเหมาก่อสร้างบ้านพักและเรือนคลอดบุตรให้โจทก์ราคา 160,000 บาท กำหนดแล้วเสร็จในเวลา 180 วัน ตามสำเนาหนังสือสัญญาและแบบแปลนรายการหมาย ก. ข. ท้ายฟ้องโจทก์ได้แต่งตั้งให้จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนหรือผู้ตรวจการ มีหน้าที่ตรวจและบังคับบัญชาจำเลยที่ 2 ให้ปฏิบัติตามสัญญาและแผนผังรายการ ถ้าจะสั่งการให้ผิดไปจากข้อสัญญา หรือแผนผังรายการก่อสร้างจะต้องได้รับอนุญาตจากโจทก์ก่อน จำเลยที่ 3 เป็นผู้ค้ำประกันในกรณีผิดสัญญาต่อโจทก์ตามสัญญาหมาย ก. ข้อ 16

เมื่อทำสัญญาแล้ว จำเลยที่ 1-2 ได้สมคบกันกระทำการฉ้อโกงโจทก์ โดยจำเลยกระทำการก่อสร้างให้ผิดไปจากสัญญา ปรากฏตามรายการผิดสัญญาตามเอกสารหมาย ค. ท้ายฟ้อง ทั้งนี้โดยมิได้รับการยินยอมจากโจทก์ อันเป็นวิธีการใช้อุบายให้ได้รับผลประโยชน์จากการรับเหมาอีกด้านหนึ่ง โจทก์ได้เตือนให้จำเลยแก้ไข จำเลยก็บิดพลิ้วไม่แก้ไข เนื่องจากจำเลยผิดสัญญา ทำให้โจทก์ต้องเสียหายคือ ไม้ที่กำหนดไว้ตามสัญญาในรายการก่อสร้างและแบบแปลน แต่เมื่อสร้างแล้วไม่มี คิดเป็นเงิน 5,000 บาท ใช้ไม้ผิดประเภท 20,000 บาท ใช้กระเบื้องมุงหลังคาผิดจากสัญญา 12,000 บาท ห้องน้ำ 6 ห้อง ไม่มีถังเกรอะและส่วนต่าง ๆ ห้องละ 5,000 บาท รวม 30,000 บาท รากฐานต่าง ๆ ผิดระดับถ้ารื้อออกให้ได้ระดับจะสิ้นค่าแรง 30,000 บาท ค่าแรงงานรื้อและเปลี่ยนแปลงให้เป็นไปตามสัญญา 30,000 บาท รวมทั้งสิ้น 107,000 บาท จึงขอให้บังคับจำเลยร่วมกันปฏิบัติตามสัญญา ถ้าไม่สามารถปฏิบัติได้ ให้จำเลยทั้ง 3 ช่วยกันใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ 107,000 บาท

จำเลยที่ 1 ให้การต่อสู้ว่า มิได้ทำผิดหน้าที่ผู้ตรวจงานและมิได้สมคบกับจำเลยที่ 2 เพื่อฉ้อโกงโจทก์ โจทก์ได้มอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 เปลี่ยนแปลงงานผิดจากแบบแปลนแผนผังหรือรายการตามสัญญาข้อ 10 และจำเลยที่ 1 ได้ทำหน้าที่ไปตามหลักวิชาเพื่อให้โจทก์ได้รับประโยชน์ในการก่อสร้าง ฉะนั้น การใดในการก่อสร้างที่ผิดจากแบบแปลนหรือรายการละเอียดโดยคำสั่งจำเลยที่ 1 เป็นลายลักษณ์อักษรให้จำเลยที่ 2 ทำไปนั้น ถือว่าโจทก์ได้ยินยอมอนุญาต โจทก์จะต้องรับเอาสิ่งก่อสร้างซึ่งจำเลยที่ 2 ได้ทำไปตามคำสั่งจำเลยที่ 1

การก่อสร้างได้เสร็จเรียบร้อยไปแล้วหลายอย่าง โจทก์และบิดาโจทก์ได้ตรวจและไม่มีการทักท้วงอย่างใด ทั้งได้ยอมรับเอาการก่อสร้างนั้น ๆ และได้จ่ายค่าจ้างถึงงวดที่ 6 แล้ว โจทก์ฟ้องคดีนี้เพื่อบิดพลิ้วค่ารางวัลร้อยละ 5 ของจำเลย จำเลยที่ 1 ขอให้ถือเอาคำให้การจำเลยที่ 2 เป็นคำให้การแก้คดีของจำเลยที่ 1 ด้วย

จำเลยที่ 2-3 ให้การต่อสู้ว่า สิ่งก่อสร้างที่ได้ทำเสร็จไปแล้วนั้นจำเลยที่ 2 ได้ทำไปโดยถูกต้องตามแบบแผนผังและรายการและตามคำสั่งของจำเลยที่ 1 และตามคำสั่งของบิดาโจทก์ หรือโจทก์เองบ้างโจทก์ไม่ได้รับความเสียหาย ฟ้องของโจทก์ไม่ชัดแจ้งว่าจำเลยที่ 2 ได้ทำผิดอย่างไร จำเลยที่ 3 เป็นผู้รับรองจำเลยที่ 2 ให้รับเหมาก่อสร้างตามสัญญาจริง แต่เมื่อจำเลยที่ 2 มิได้ทำผิดสัญญาโจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยที่ 3 ให้ต้องรับผิดต่อโจทก์

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว ได้ความว่า โจทก์ได้ทำสัญญาให้จำเลยที่ 2 เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างบ้านพักและเรือนคลอดบุตรให้โจทก์เป็นเงินค่าจ้าง 160,000 บาท กำหนดแล้วเสร็จใน 180 วัน ปรากฏตามหนังสือสัญญาลงวันที่ 5 กรกฎาคม 2495 (เอกสารหมาย จ.1) ตาม รายการก่อสร้างหมาย จ.2 จำเลยที่ 3 เป็นผู้รับรองความเสียหายต่าง ๆ ซึ่งจำเลยที่ 2 กระทำต่อผู้จ้างตามสัญญาข้อ 16 โจทก์ได้แต่งตั้งให้จำเลยที่ 1 เป็นผู้ตรวจงานแทนโจทก์ ได้ระบุอำนาจหน้าที่ผู้ตรวจงานไว้ในสัญญาข้อ 3 และข้อ 10 สำหรับเงินค่าจ้างนั้นได้ตกลงจ่ายกันตามผลงานเป็น 10 งวด จำเลยที่ 2 ได้ทำการก่อสร้างสำเร็จไปเป็นส่วนมากแล้ว และโจทก์ได้จ่ายเงินค่าจ้างให้จำเลยที่ 2 ไปแล้วถึงงวดที่ 6 รวมเป็นเงิน 120,000 บาท ต่อมาวันที่ 15 กันยายน 2495ระหว่างที่การก่อสร้างกำลังดำเนินต่อไปภายหลังที่โจทก์จ่ายเงิน 6 งวดไปแล้ว โจทก์ได้สั่งให้จำเลยที่ 1 พ้นจากหน้าที่ผู้ตรวจงานและต่อมาโจทก์หาว่าจำเลยที่ 1-2 สมคบกันฉ้อโกงโจทก์ โดยกระทำการก่อสร้างให้ผิดไปจากสัญญาตามรายการในเอกสารหมายอักษร ค. ท้ายฟ้องทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยข้อตัดฟ้องของจำเลยที่ว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมนั้น ว่าฟ้องโจทก์ได้กล่าวการกระทำผิด สัญญาของจำเลยไว้โดยละเอียดตามรายการหมายอักษร ค. แล้ว จึงไม่เคลือบคลุมส่วนที่โจทก์คัดค้านการนำสืบของจำเลยว่า ไม่มีประเด็นจะสืบนั้นศาลชั้นต้นเห็นว่าคำให้การจำเลยที่ 1 มีประเด็นที่จะสืบได้ข้อคัดค้านของโจทก์จึงฟังไม่ขึ้น

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยต่อไปว่า ข้อพิพาทเฉพาะรายการที่ 2-3-4 เรื่องห้องน้ำและบ่อเกรอะนั้น จำเลยได้เปลี่ยนส่วนต่าง ๆ ผิดจากแบบแปลนและรายการตามสัญญาโดยพลการ มิได้รับความยินยอมจากโจทก์ทำให้โจทก์เสียหาย จะต้องรื้อและทำใหม่ โจทก์เรียกค่าเสียหาย 30,000 บาท เป็นราคาที่สมควร จำเลยที่ 2 ผู้รับเหมาและจำเลยที่ 3 ผู้ค้ำประกันต้องรับผิด ส่วนจำเลยที่ 1 พ้นหน้าที่ไปแล้ว จึงไม่ต้องรับผิดในข้อนี้

ส่วนข้อพิพาทตามรายการข้อ 1 และรายการข้อ 5 ถึงข้อ 14 ฟังไม่ได้ว่าจำเลยทำผิดสัญญา แม้รายการบางอย่างเปลี่ยนแปลงผิดไปจากแบบแปลนก็เป็นการที่จำเลยที่ 1 ได้สั่งให้การแก้ไขเปลี่ยนแปลงตามอำนาจหน้าที่ผู้ตรวจงานแทนโจทก์ตามสัญญา โจทก์สืบไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1-2 สมคบกันทำการฉ้อโกงโจทก์ ทั้งโจทก์ก็ได้ยินยอมรับเอาการงานนั้น ๆ และจ่ายเงินค่าจ้างตามงวดให้แก่ผู้รับเหมาเสร็จสิ้นไปแล้ว ต้องถือว่าโจทก์พอใจในผลของงานนั้นเป็นการสำเร็จตามประสงค์แล้วจำเลยทั้ง 3 ไม่ต้องรับผิดชอบ

ข้อที่โจทก์เรียกค่าเสียหายฐานใช้ไม้ผิดประเภทจากสัญญาเป็นเงิน 20,000 บาทนั้น ศาลชั้นต้นเห็นว่า โจทก์ไม่ได้ตั้งประเด็นว่าจำเลยทำผิดสัญญา โดยใช้ไม้ผิดประเภท โจทก์เรียกค่าเสียหายเข้ามาลอย ๆ แม้จะฟังว่า จำเลยใช้ไม้ผิดประเภทจริงก็บังคับให้ไม่ได้ เพราะไม่มีประเด็น

ในที่สุดพิพากษาให้จำเลยที่ 2-3 แก้ไขห้องน้ำ 6 ห้องให้เป็นไปตามสัญญาและแบบแปลนเดิม มิฉะนั้น ให้ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 30,000 บาท ให้จำเลยที่ 2-3 ใช้ค่าธรรมเนียมกับค่าทนาย 1,000 บาทแทนโจทก์ เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้แทนตามทุนทรัพย์ที่ชนะคดีค่าธรรมเนียมของจำเลยที่ 1 ให้เป็นพับไป ข้อเรียกร้องของโจทก์นอกนั้นให้ยกเสีย

โจทก์อุทธรณ์คัดค้านว่า จำเลยที่ 1 ไม่มีประเด็นจะนำสืบว่าได้สั่งทำการเปลี่ยนแปลงผิดไปจากข้อสัญญาและแผนผังเดิม เพราะมีอำนาจสั่งได้ เพราะมิได้ให้การต่อสู้ไว้ และจำเลยที่ 1 ได้สั่งแก้ไขไปเป็นการนอกหน้าที่ที่ได้ตกลงไว้กับโจทก์ ตามที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 2 – 3 รับผิดสำหรับห้องน้ำ 6 ห้อง นั้น ชอบแล้ว แต่ที่พิพากษาให้ยกข้อเรียกร้องอื่น ๆ เสียนั้นยังไม่ชอบด้วยข้อเท็จจริงเพราะข้อเรียกร้องเรื่องจำเลยใช้ไม้ผิดประเภทจากสัญญานั้นโจทก์บรรยายฟ้องมีทั้งสัญญารับเหมาก่อสร้าง รายการก่อสร้างและรายการที่ผิดสัญญาดังปรากฏตามเอกสารหมาย ก. ข. ค. แล้ว ตามรายการในเอกสารหมาย ข. มีปรากฏชัดว่าจะต้องใช้ไม้อะไรบ้าง จึงพอถือได้ว่าโจทก์ได้ตั้งประเด็นกล่าวมาในฟ้องแล้ว จึงขอให้พิพากษาให้จำเลยทั้ง 3 รับผิดเต็มตามฟ้อง

ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น และให้โจทก์เสียค่าทนายแทนจำเลย 800 บาท

โจทก์ฎีกาต่อมา

ศาลฎีกาได้นั่งฟังคำแถลงการณ์ของทนายจำเลย และได้ประชุมปรึกษาคดีนี้แล้ว คดีคงฟังข้อเท็จจริงดังกล่าวมาข้างต้น ปัญหาที่โจทก์ฎีกาคัดค้านมาเป็นข้อแรก เรื่องจำเลยไม่มีประเด็นที่จะนำสืบในข้อที่ได้ทำผิดไปจากข้อกำหนดในแผนผังรายละเอียดนั้น ศาลฎีกาได้พิเคราะห์คำให้การของจำเลยที่ 1 แล้ว เห็นว่า จำเลยที่ 1 ได้ให้การไว้ในข้อ 3 รวมความว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้ตรวจงานของโจทก์ ๆ ได้มอบให้จำเลยที่ 1 มีสิทธิและอำนาจเปลี่ยนแปลงงานให้ผิดไปจากข้อกำหนดในแผนผัง หรือรายการละเอียดตามที่ตกลงไว้ในสัญญารับเหมาก่อสร้างได้ด้วย จำเลยที่ 1 ได้ทำหน้าที่ไปตามหลักวิชาการช่างฝ่ายสถาปนิกหรือการช่างก่อสร้างทั่วไปเพื่อให้โจทก์ได้รับผลประโยชน์ในการก่อสร้าง ฉะนั้น การใดในการก่อสร้างนี้ที่ผิดจากข้อกำหนดในแผนผังหรือรายละเอียด โดยคำสั่งของจำเลยที่ 1 เป็นลายลักษณ์อักษรให้จำเลยที่ 2 ทำไปนั้น ย่อมถือได้ว่าโจทก์ได้ยินยอมอนุญาต หรือเสมือนว่าโจทก์เป็นผู้ให้จำเลยที่ 2 ทำเองดังนี้ จำเลยที่ 1 จึงมีประเด็นที่จะนำสืบได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้สั่งเปลี่ยนแปลงแก้ไขงานผิดไปจากแผนผังหรือรายละเอียด โดยมีอำนาจตามสัญญาข้อคัดค้านของโจทก์ฟังไม่ขึ้น ฎีกาของโจทก์ที่คัดค้านเกี่ยวกับข้อพิพาทในรายการข้อ 1 และข้อ 5 ถึงข้อ 14 กับเรื่องใช้ไม้ผิดประเภทนั้น ศาลฎีกาพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์จำเลยแล้ว เห็นว่า

1. การวางระดับอาคารนั้น ตามสัญญาไม่มีกำหนดไว้ว่าวางระดับเท่าใดเป็นแต่ระบุไว้ว่า ผู้จ้างเป็นผู้กำหนดสถานที่และชี้ระดับให้ก่อสร้าง เมื่อจำเลยได้ทำการก่อสร้างมาจนโจทก์จ่ายเงินค่าจ้างไปแล้วหลายงวดไม่มีการทักท้วงในเรื่องการวางระดับเลย จึงควรถือว่าโจทก์ได้รับรองการวางระดับที่จำเลยปฏิบัติมาว่าเป็นการชอบแล้วฉะนั้น จะมารื้อฟื้นว่า จำเลยวางระดับผิดจากสัญญาในข้อนี้ไม่ได้

2. สำหรับรายการข้อ 5 เรื่องจำเลยมิได้เทยางอัสฟัลบนคานระดับดินเพื่อกันชื้นนั้น ผู้รับเหมารับว่ามิได้ลาดยางอัสฟัลจริงแต่โจทก์ก็มิได้เรียกค่าเสียหายในข้อนี้โดยเฉพาะ จึงไม่มีทางจะคิดค่าเสียหายให้

3. รายการที่ 6-13 และ 14 เรื่องเกี่ยวกับการวางตง คานและเสานั้น ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า การวางตง การต่อคาน ต่อตงผิดจากแบบแปลนและตงขาดจำนวนไป ที่เสาผู้รับเหมาก็ไม่ได้ใส่เหล็กแผ่นประกบเสาจริง แต่ผู้รับเหมาทำตามคำสั่งจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ตรวจงานและการวางตงแม้ขาดจำนวนไปบ้าง แต่ก็ได้ระยะตามรายการ อนึ่ง งาน 3 รายการนี้เป็นงานชั้นสองต่อจากการขุดรากหล่อเสาตอหม้อ เมื่อผู้รับเหมาทำเสร็จแล้ว โจทก์ก็ได้จ่ายค่าจ้างงวดนี้ไปโดยไม่มีการทักท้วง จึงถือได้ว่าโจทก์ยินยอมและรับเอาการนี้แล้ว

4. รายการที่ 7-8-9-10-11-12 เรื่องเครื่องหลังคาและกระเบื้องมุงหลังคานั้น ฟังได้ในเบื้องต้น ผู้รับเหมาได้เปลี่ยนแปลงส่วนประกอบหลังคาเสียใหม่ มิได้ทำตามแบบแปลนเดิม ตัวไม้และเครื่องประกอบหลังคาจึงขาดไปตามโจทก์ฟ้อง ผู้รับเหมาแก้ตัวว่าได้เปลี่ยนแปลงตามคำสั่งจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ตรวจงาน และคำสั่งของบิดาโจทก์ศาลฎีกาพิเคราะห์เห็นว่า น่าเชื่อว่าจำเลยที่ 2 ผู้รับเหมาได้เปลี่ยนแปลงเครื่องหลังคาและกระเบื้องมุงหลังคาตามคำสั่งจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ตรวจงานของโจทก์จริง โดยจำเลยที่ 1 ได้เขียนแก้แบบแปลนไว้หลังแบบแปลนเดิม และบันทึกการสั่งใช้กระเบื้องวิบูลศรีขนาดใหญ่ ไว้ท้ายหนังสือของจำเลยที่ 2 ที่มีไปขอการยืนยันจากจำเลยที่ 1 อำนาจสั่งเช่นนี้ จำเลยที่ 1 มีอยู่ตามสัญญาข้อ 10อำนาจนี้ไม่มีเงื่อนไขว่าจะต้องได้รับอนุญาตจากโจทก์ก่อน และข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่า จำเลยที่ 1-2 ได้สมคบกันเพื่อฉ้อโกงโจทก์อนึ่ง โดยเฉพาะเงินค่าจ้างงวดหลังคานี้ จำเลยที่ 1 เคยมีจดหมายถึงโจทก์ว่ายังจ่ายไม่ได้ เพราะขัดต่อสัญญา แต่ต่อมาโจทก์ก็ได้จ่ายเงินงวดนี้ให้จำเลยที่ 2 ไป แสดงให้เห็นว่าโจทก์พอใจการงานของจำเลยที่ 2 แล้ว โจทก์จึงจ่ายเงินค่าจ้างให้ไป ศาลฎีกาจึงเห็นชอบกับศาลล่างว่า จำเลยที่ 2 มิได้ทำผิดสัญญาในข้อนี้

5. เรื่องค่าเสียหายเกี่ยวกับการใช้ไม้ผิดประเภทนั้นข้อนี้เห็นว่าตามฟ้องโจทก์ว่า จำเลยทำผิดสัญญาดังรายการที่ปรากฏตามเอกสารหมายอักษร ค. แต่ตามรายการในเอกสารหมายอักษร ค. หาได้ระบุถึงการใช้ไม้ผิดประเภทไว้ไม่ ฉะนั้นจึงเห็นว่าฟ้องโจทก์มิได้หาว่า จำเลยได้กระทำผิดสัญญา โดยใช้ไม้ผิดประเภทไว้ ค่าเสียหายที่โจทก์ระบุในฟ้องจึงเป็นการระบุค่าเสียหายลอย ๆ ศาลจึงบังคับให้ไม่ได้ ศาลฎีกาเห็นว่า ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษามา ชอบแล้ว ไม่มีเหตุจะแก้ไข

จึงพิพากษายืน ให้ยกฎีกาโจทก์ ให้โจทก์ใช้ค่าทนายชั้นฎีกาแทนจำเลยอีก 500 บาท

Share